- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Friday, 09 August 2024 21:58
- Hits: 6935
MGT รายได้รวม 535.47 ลบ.Q2 กำไร 31.61 ลบ. มั่นใจปีนี้เข้าเป้าโต 20%
MGT โชว์รายได้ 6 เดือน รวม 535.47 ล้านบาท กำไรไตรมาส 2/67 พุ่ง 36.25% ออเดอร์สั่งซื้อเคมีภัณฑ์ไหลเข้า ESG หนุนยอดซื้อพุ่ง เจาะสินค้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ABi ฮอตเกาหลีสนใจร่วมลงทุนเพิ่ม มั่นใจผลงานปีนี้เข้าเป้าโต 20%
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับ ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือนของปี 2567 ภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับ สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ดังนี้
ไตรมาสที่ 2/2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 37.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14.75 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566
สำหรับงวด 6 เดือน สำหรับปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าเพิ่มขึ้น 18.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 3.64 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566
กำไรขั้นต้น
ไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 17.50 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 23.35 และมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29 เป็นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2566
สำหรับ งวด 6 เดือน สำหรับปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 21.03 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 13.79 และมีอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 30 เป็นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566
ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายและบริหาร
ไตรมาสที่ 2/2567 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น 7.05 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.59 แต่มีอัตราค่าใช้จ่ายต่อยอดขาย ในสัดส่วนที่เท่ากัน เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2566
สำหรับงวด 6 เดือน สำหรับปี 2567 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น 8.42 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 9,07 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2566
กำไรสุทธิ
ไตรมาสที่ 2/2567 มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 8.41 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36.25 เมื่อเทียบกับงวด เดียวกันของปี 2566
สำหรับ งวด 6 เดือน สำหรับปี 2567 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้น 11.36 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.13 เมื่อ เทียบกับงวด 6 เดือนของปี 2566
จากผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 2 และงวด 6 เดือน ปี 2567 บริษัทฯ สามารถดำเนิน ธุรกิจด้วยผลประกอบการที่ดีขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้ง ยังคงติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยง เกี่ยวกับด้านการค้า เช่น สงครามทางการค้า เศรษฐกิจอเมริกาและทั่วโลกถดถอย นอกจากนั้น แล้วยังเกิดภาวะ สงครามระหว่าง ยูเครนกับรัสเซีย, อิสราเอลกับฮามาสและตะวันกลาง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ได้ใน ทุกๆ ด้าน
พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันสำหรับทุกสภาวะของความผันผวนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ อีกทั้งยัง แสวงหาโอกาสเพิ่มเติมทางด้านธุรกิจเพื่อเพิ่มผลกำไรอย่างสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นถึงสินค้าที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อมมากขึ้น พร้อมทั้งยังพัฒนาบุคลากร เน้นให้ความรู้ความสามารถและสร้างคุณภาพเพื่อก่อให้เกิด ประสิทธิผลต่อองค์กร และรักษาผลประโยชน์อันสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น และบริษัทฯเป็นสำคัญ
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MGT เผยว่า รายได้ไตรมาส 2/67 ที่ 293.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.66 ล้านบาท เติบโต 14.75% ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2567 มีรายได้รวม 535.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.80 ล้านบาท เติบโต 3.64% และมีกำไร 31.61 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2567 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 58.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.36 ล้านบาท เติบโต 24.13%
นายวริทธิ์ อินาลา กรรมการบริหาร ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาองค์กร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) MGT กล่าวว่า ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตสินค้าหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ดีมานด์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษยังมีวอลุ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มลูกค้า ยังเป็นกลุ่มเดิม รถยนต์ สี และอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ล้วนใช้เคมีภัณฑ์ในการผลิต มุ่งเน้นการจำหน่ายสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเทรนด์ ESG ถือเป็นเป้าหมายหลักของหลายองค์กร บริษัทมีสินค้า ESG และมีความได้เปรียบมากกว่ารายเล็ก ส่งผลให้มียอดขายต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจไบโอเทคโนโลยี ในประเทศเกาหลี ABio Materials Co., Ltd. ผู้ผลิตสเต็มเซลล์ มีพัฒนาการงานวิจัยก้าวหน้าไปมาก จนปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์เกาหลีรายอื่นสนใจเข้าร่วมลงทุน และบริษัทอาจจะพิจารณารับพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม โดยเงินทุนจากพาร์ตเนอร์รายใหม่ บริษัทจะนำไปขยายฐานการลงทุน เพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไป
สำหรับ ทิศทางรายได้รวมทั้งปีนี้ บริษัทมั่นใจจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรือเติบโต 20% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบ Organic นอกจากนี้ MGT ยังมีบริษัทในเครือ ประกอบไปด้วย บริษัท เมกาเคม พลัส จำกัด บริษัท กรีน ลีฟ เคมีคอล จำกัด บริษัท เมกา ฟูจิ กราไฟท์ จำกัด และบริษัท Megachem (Myanmar) Ltd.
โดยทุกๆ บริษัทในเครือมีซัพพลายเออร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายในการหาซัพพลายเออร์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากจีน อินเดีย เกาหลี อินโดนีเซีย และเวียดนาม ส่วนญี่ปุ่นเคยมีซัพพลายเออร์เข้ามาบ้าง แต่ด้วยคุณภาพสินค้าสูง ทำให้ราคาสูงสอดคล้องกันไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามความเสี่ยงทางด้านการค้า เช่น สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย อิสราเอล กับฮามาสและตะวันออกกลาง อาจจะกระทบต่อบริษัทในทุกๆ ด้าน