- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 04 June 2023 22:36
- Hits: 2166
ฟิทช์ คงอันดับเครดิต ปตท.สผ. ที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
ฟิทช์ เรทติ้งส์ – สิงคโปร์ – 31 พฤษภาคม 2566: ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาว (Issuer Default Rating) ของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่ระดับ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตของ ปตท.สผ. สะท้อนถึงอันดับเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของบริษัทฯ ที่ ‘bbb+’ ซึ่งเท่ากับอันดับเครดิตของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (มีอันดับเครดิตสากลระยะยาวที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ปตท.สผ. ในสัดส่วนร้อยละ 65 อันดับเครดิต
โดยลำพังของ ปตท.สผ. สะท้อนถึงราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ผันผวน ต้นทุนการผลิตที่แข่งขันได้ ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งมาก โดยสถานะการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในด้านปริมาณการผลิตปิโตรเลียมและปริมาณสำรองปิโตรเลียม จะยังคงสอดคล้องกับอันดับเครดิตโดยลำพังที่ ‘bbb+’ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ฟิทช์ คาดว่า จะมีการประเมินอันดับเครดิตโดยลำพังของบริษัทฯ ใหม่เป็น ‘bbb’ ถ้าอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตของบริษัทฯ ต่ำกว่าจาก 7 ปี อย่างต่อเนื่อง โดยปตท.สผ. ได้ปรับลดเป้าหมายที่จะรักษาอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตลงมาเป็น 5 ปี ในปี 2564
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ ปตท.สผ. จะยังคงเท่ากับอันดับเครดิตของ ปตท. แม้อันดับเครดิตโดยลำพังของ ปตท.สผ. จะถูกปรับลดลง ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Criteria)
โดยฟิทช์ ประเมินว่า แรงจูงใจในการให้การสนับสนุนของ ปตท. แก่ ปตท.สผ. อยู่ในระดับสูง จากการที่ ปตท.สผ. มีความสำคัญทางกลยุทธ์ (Strategic incentive) และความสำคัญทางด้านการดำเนินงาน (Operational incentive) ในระดับสูง
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์คาดว่าปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของปตท.สผ. จะคงที่ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-8 ต่อปี ในปี 2567-2568 จากการเพิ่มการผลิตในโครงการเอราวัณ (G1/61) และการรวมโครงการบงกช (G2/61) เข้ามาทั้งหมด แม้ว่าจะถูกลดทอนลงบางส่วนจากการลดการผลิตจากโครงการอื่นๆ
ปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯ อยู่ที่ 461,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสแรกของปี 2566 โดยในปีที่แล้ว บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมอยู่ที่ 468,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 เนื่องจากการเริ่มสัญญาในโครงการเอราวัณ และการผลิตที่มากขึ้นในโครงการ Oman Block 61 ซึ่งปตท.สผ. ได้เข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 20 ในปี 2564
ปตท.สผ. มีการวางแผนการเริ่มการผลิตในโครงการต่างๆ ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมถึงการตัดสินใจในการสำรวจและผลิต (Final investment decision) ในโครงการ Lang Lebah ในประเทศมาเลเซีย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของปริมาณการผลิตปิโตรเลียมของบริษัทฯ ในอนาคต
แผนการลงทุนที่สูงขึ้น: ฟิทช์ คาดว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน (Capex) ของปตท.สผ. ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จะยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน เพิ่มขึ้นจากแผนการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานที่มีคาร์บอนต่ำ
โดยฟิทช์ ประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของปตท.สผ. ที่ประมาณ 3.1-3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีในช่วงปี 2566-2569 ซึ่งสอดคล้องกับแผนการลงทุนของบริษัทฯ สะท้อนถึงการลงทุนตามสัญญาสัมปทานต่างๆ ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของปตท.สผ. ในปี 2566 ถึงต้นปี 2567
ส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตในโครงการเอราวัณ ที่บริษัทฯ จะเพิ่มปริมาณการผลิตของโครงการให้ถึงปริมาณการผลิตตามสัญญา ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ในเดือนเมษายน 2567 ซึ่งจะทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 367,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน จาก 342,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันโดยประมาณ ในปี 2565
ฟิทช์ คาดว่า ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนสำหรับแผนการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานที่มีคาร์บอนต่ำของ ปตท.สผ. จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มองหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ตามนโยบาย ‘Beyond Exploration and Production’ ของบริษัทฯ
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนตามนโยบายนี้ น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยที่อยู่ในแผนการลงทุนแล้ว จะมีประมาณ 90-100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ แม้ว่า ปตท.สผ. มีการประมาณวงเงินในการลงทุนตามนโยบายนี้ไว้มากถึง 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงปี 2566-2070 ขึ้นอยู่กับโอกาสและการตัดสินใจเข้าลงทุน ฟิทช์ เชื่อว่า ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ ปตท.สผ. น่าจะสามารถรองรับการลงทุนเหล่านี้ได้ เมื่อแผนการลงทุนตามนโยบายนี้มีความชัดเจนมากขึ้น
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่า ปตท.สผ. จะยังคงรักษาฐานะที่มีเงินสดมากกว่าหนี้สิน (Net cash position) ในปี 2566-2569 ซึ่งต่ำกว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 2.2 เท่า เป็นระดับที่ถ้าอยู่สูงกว่า ฟิทช์อาจพิจารณาปรับลดอันดับเครดิต
เนื่องมาจากเงินสดที่ถืออยู่จำนวนมาก รวมถึงกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานที่เป็นบวก แม้ว่าจะมีการลงทุนที่สูง แต่บริหารจัดการได้ ในประมาณการของฟิทช์ ปตท.สผ. จะยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แม้ในกรณีราคาน้ำมันที่ต่ำ ตามสมมุติฐานราคาน้ำมันของฟิทช์
ความผันผวนของรายได้ที่ต่ำกว่า: รายได้และกำไรของปตท.สผ. จะมีผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันในระยะสั้น ที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอื่นๆ เนื่องจากราคาขายก๊าซธรรมชาติของ ปตท.สผ. มีการอ้างอิงกับดัชนีน้ำมันดิบเฉลี่ยในช่วงระยะเวลา 6 ถึง 24 เดือนที่ผ่านมา
ในปี 2565 ก๊าซธรรมชาติมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 73 ของปริมาณการขาย และสัดส่วนนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วง 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติของบริษัทฯ ค่อนข้างมีความแน่นอน เนื่องจากสัญญาซื้อขายระยะยาวในรูปแบบ take-or-pay
ความเสี่ยงจากอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตที่มีแนวโน้มลดลง: ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตของ ปตท.สผ. จะค่อยๆ ลดลงในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น และปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นจะมาจากโครงการที่มีอยู่เป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ที่จะรักษาอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตที่ไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งปรับลดลงมาจาก 7 ปี ในปี 2564
บริษัทฯ มีปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้ว (Proved Reserves) อยู่ที่ 1,442 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ณ สิ้นปี 2565 (1,350 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ณ สิ้นปี 2564) หรือคิดเป็นประมาณ 7 ปี เมื่อเทียบกับการผลิตปิโตรเลียมในปี 2565 (ปี 2564 อยู่ที่ 7.5 ปี) ฟิทช์ คาดว่าปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วของ ปตท.สผ. จะยังคงสอดคล้องกับอันดับเครดิตโดยลำพังของบริษัทฯ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าตามแผนการลงทุนในปัจจุบันของบริษัทฯ
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
ปตท.สผ. มีอันดับเครดิตเท่ากับ Woodside Energy Group Ltd (อันดับเครดิตที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของประเทศออสเตรเลีย
ทั้งสองบริษัทได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาพลังงานที่น้อยกว่า เนื่องจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40-45 ของปริมาณการขายของ Woodside มีความผันผวนของรายได้และกำไรที่น้อยกว่าธุรกิจน้ำมัน และมีสัญญาระยะยาวรองรับ
ในขณะที่ ปตท.สผ. ได้รับประโยชน์จากสัดส่วนการขายก๊าซธรรมชาติที่สูงกว่า ที่ประมาณร้อยละ 73 ของปริมาณการขาย อย่างไรก็ตาม Woodside มีอัตราส่วนปริมาณสำรองปิโตรเลียมต่อปริมาณการผลิตที่มากกว่า โดยอยู่ที่มากกว่า 12 ปี จากปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่พิสูจน์แล้วที่ 2,385 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ณ สิ้นปี 2565 เทียบกับของปตท.สผ. ที่อยู่ที่ประมาณ 7 ปี โดยมีปริมารการผลิตปิโตรเลียมใกล้เคียงกัน
อันดับเครดิตของ ปตท.สผ. อยู่ในระดับสูงกว่าของ Santos Limited (อันดับเครดิตที่ ‘BBB’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) อยู่หนึ่งอันดับ เนื่องจาก ปตท.สผ. มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งกว่า และมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าในด้านปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และปริมาณการผลิต Santos มีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นเป็น 283,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หลังจากการควบรวมกับ Oil Search และมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่พิสูจน์แล้วที่ 1,028 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ
อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ Santos ได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีรายได้ที่มีความผันผวนน้อยกว่าบริษัทในธุรกิจเดียวกัน เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ LNG ซึ่งมีสัญญาซื้อขายระยะยาวโดยมีการอ้างอิงกับดัชนีน้ำมันดิบ และธุรกิจก๊าซธรรมชาติในประเทศที่จำหน่ายตามสัญญาซื้อขายระยะยาวด้วยโครงสร้างราคาที่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า ฟิทช์ คาดว่า อัตราส่วน FFO net leverage ของ Santos จะไปอยู่ที่ระดับ 2.0-2.2 เท่าในปี 2567-2568 ในขณะที่ปตท.สผ. จะยังคงรักษาฐานะที่มีเงินสดมากกว่าหนี้สิน (Net cash position)
อันดับเครดิตของ ปตท.สผ. อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตของ Pioneer Natural Resources Co. (อันดับเครดิตที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา Pioneer มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า ปตท.สผ.
โดยมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่ 657,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และปริมาณสำรองปิโตรเลียมที่ประมาณ 2.2 พันล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ แต่ถูกลดทอนจากการที่ ปตท.สผ. มีรายได้ที่มีความผันผวนน้อยกว่า และการกระจายตัวตามภูมิภาคที่ดีกว่า ทั้งสองบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ราคา 85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2566, 75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2567, 65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2568 และ53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปีถัดๆไป
- ราคาขายก๊าซธรรมชาติที่ราคา 6.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูในปี 2566, 5.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูในปี 2567, 5.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูในปี 2568 และ 5.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูในปี 2569
- การผลิตปิโตรเลียมคงที่ในปี 2566 และเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 8 ในปี 2567, ร้อยละ 5 ในปี 2568 และลดลงร้อยละ1 ในปี 2569
- ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุน 3.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2566, 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2567, 4.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2568 และ 4.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2569
- ค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน 40-70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ในช่วง 4 ปีข้างหน้า
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก
- การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ ปตท. โดยที่ความสัมพันธ์ระหว่าง ปตท.สผ. และ ปตท. ยังคงเหมือนเดิม
ปัจจัยลบ
- การปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ ปตท.
สภาพคล่อง
สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: สภาพคล่องของปตท.สผ. ได้รับการสนันสนุนจากเงินสดจำนวน 1.44 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับหนี้สินทั้งหมดจำนวน 9.6 หมื่นล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2566 ปตท.สผ. ไม่มีหนี้ที่ครบกำหนดชำระในปี 2566-2568
ฟิทช์ คาดว่า ปตท.สผ. จะยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในการลงทุนในอีก 4-5 ปีข้างหน้า ทำให้กระแสเงินสดสุทธิยังคงเป็นบวก รวมถึงความสามารถของบริษัทฯ ในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ ที่จะช่วยสนับสนุนสภาพคล่องของบริษัทฯ เพิ่มเติมอีกด้วย
ข้อมูลของบริษัท
ปตท.สผ. เป็นบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแห่งชาติของประเทศไทย บริษัทฯ เป็นบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหลักของกลุ่มปตท. โดยบริษัทฯ มีแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหลักๆ ในประเทศไทย, มาเลเซีย, พม่า, โมซัมบิก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และแอลจีเรีย
ติดต่อ
Primary Analyst
Shubha Sethi, CFA
Director
+65 6796 7245
Fitch Ratings Singapore Pte Ltd.
1 Wallich Street #19-01 Guoco Tower
Singapore 078881
Secondary Analyst
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล
Senior Director
+662 108 0158
Committee Chairperson
Muralidharan Ramakrishnan
Senior Director
+65 6796 7236
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com