- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 13 May 2023 04:07
- Hits: 2158
‘ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TATG)’ ผู้ผลิตแม่พิมพ์โลหะ และชิ้นส่วนยานยนต์ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น จ่อเทรดใน SET
บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG ผู้ออกแบบ ผลิตแม่พิมพ์และเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบการปั๊มขึ้นรูปโลหะ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ 100 ล้านหุ้น จ่อเทรดกระดาน SET ลุยโครงการขยายโรงงาน-ลงทุนเครื่องจักร-เป็นทุนหมุนเวียน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG เปิดเผยว่า ขณะนี้ TATG ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทฯ เพื่อประกอบการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยการเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 100,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจยานยนต์
สำหรับจุดเด่นของ TATG คือ การเป็นผู้ออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์สำหรับการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) และมีบริษัทย่อย 3 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ปทุมธานี) จำกัด หรือ TATP, 2. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (ชลบุรี) จำกัด หรือ TATC และ 3. บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ (อีสเทิร์น) จำกัด หรือ TATE
ดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด และผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร ภายใต้โรงงานผลิต 4 แห่ง ในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดชลบุรี พร้อมยกระดับฐานการผลิตให้เป็นสายการผลิตระบบอัตโนมัติ นำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมทัพยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองรับรถยนต์ไฟฟ้าเต็มขั้น
สำหรับ โครงสร้างทางธุรกิจของ TATG ประกอบด้วย 1. ธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือ (Tooling) สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ โดยครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์สำหรับปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การดำเนินการของบริษัทย่อย คือ TATP 2. ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อย TATE และ TATC ที่กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตแม่พิมพ์โลหะ (Dies)
โดยกลุ่มบริษัทฯ ได้มีการลงทุนนำเครื่องจักรผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทั้งที่เป็นระบบที่ควบคุมด้วยบุคคล (Manual Control) และที่เป็นระบบอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (Automatic Control) ตั้งแต่ขนาด 200 ตัน จนถึง 2,000 ตัน ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตปริมาณมาก และการผลิตที่เน้นความพิถีพิถันสูง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังได้มีการลงทุนระบบชุบเคลือบสีชิ้นส่วนด้วยระบบไฟฟ้า EDP (Electro Deposition Paint) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการชุบผิวโลหะที่อาศัยกลไกทางไฟฟ้าเคลือบพื้นผิว ทำให้ได้ชิ้นงานที่มีคุณภาพสีคงที่ สีติดทนนาน ไม่ผุกร่อนหรือร่อน พื้นผิวมีความราบเรียบสม่ำเสมอ และสามารถกันสนิม เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการชิ้นส่วนที่มีคุณภาพและมีความพิถีพิถันสูง
บริษัทฯ รายงานผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา (2563-2565) โดยปี 2563 มีรายได้รวม 1,884.08 ล้านบาท, ปี 2564 มีรายได้รวม 2,545.56 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 2,919.69 ล้านบาท สอดคล้องกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 40.05 ล้านบาท, 164.55 ล้านบาท และ 108.16 ล้านบาทตามลำดับ
โดยวัตถุประสงค์ในการระดมทุนที่ได้จากการเสนอขาย IPO ในครั้งนี้ เพื่อใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักร, เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ
A5478