- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 26 March 2023 15:23
- Hits: 1729
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร ‘บ.ไทยแอร์เอเชีย’ เป็น ‘BB+’ จาก ‘BB’, อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันเป็น 'BB' จาก 'BB-', และเปลี่ยนแปลงแนวโน้มเป็น ‘Stable’ จาก ‘Negative’
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เป็นระดับ ‘BB+’ จาก ‘BB’ และเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทเป็นระดับ ‘BB’ จาก ‘BB-‘ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น ‘Stable’หรือ’คงที่’ จาก’Negative’หรือ ‘ลบ’อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าการฟื้นตัวของการจราจรทางอากาศจะเป็นไปอย่างต่อเนื่องในอีกหลายไตรมาสข้างหน้าโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในการเดินทางคงค้างจากประเทศจีนหลังจากที่นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zeo-COVID) ซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนานได้ถูกยกเลิกไป
นอกจากนี้ สภาวะการแข่งขันในปัจจุบันน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสามารถส่งผ่านต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นไปยังลูกค้าได้ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถฟื้นฟูผลการดำเนินงานและความแข็งแกร่งทางการเงินให้กลับคืนมาได้อย่างต่อเนื่อง
อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทเป็นผลมาจากองค์ประกอบระหว่างอันดับเครดิตเฉพาะองค์กร (Stand-alone Credit Profile – SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘bb+’ และสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของ บริษัท เอเชีย อวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) (AAV) ตาม ‘เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ’ (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง
โดยอันดับเครดิตองค์กรยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำรายหนึ่งในธุรกิจสายการบินราคาประหยัดในประเทศไทยและประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนของบริษัท การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงธรรมชาติที่แปรปรวนและเป็นไปตามฤดูกาลของอุตสาหกรรมการบิน
ตลอดจนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผันผวนและความเสี่ยงทางเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อโอกาสในการฟื้นตัวทางธุรกิจและการเงินของบริษัท
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
การจราจรทางอากาศกำลังฟื้นตัว
ทริสเรทติ้ง คาดว่า อุปสงค์ในการเดินทางทางอากาศจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์คงค้างจากประเทศจีนเป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าปริมาณการเดินทางทางอากาศจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งตลอดปี 2566 และจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ภายในปี 2568
ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 จำนวนผู้โดยสารของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยอยู่ที่จำนวน 4.1 ล้านคนซึ่งคิดเป็น 75% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดอันเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารภายในประเทศซึ่งคิดเป็น 92% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาด
ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศยังคงอยู่ที่ระดับ 50% ทริสเรทติ้ง คาดว่าอุปสงค์ในการเดินทางภายในประเทศจะยังคงแข็งแกร่งและจะกลับสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ภายในปีนี้ ในขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศก็จะเป็นไปอย่างแข็งแกร่งจากอุปสงค์คงค้างจำนวนมากจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสำคัญหลังจากที่นโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานได้ถูกยกเลิกไป
โดยทริสเรทติ้งคาดว่าจำนวนผู้โดยสารชาวจีนจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หลังจากที่อุปสรรคในการเดินทางหลายประการ เช่น ปัญหาคอขวดของโครงสร้างพื้นฐานการเดินทางและระยะเวลาในการทำพาสปอร์ตใหม่ลดลงในประเทศจีน
ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าในปี 2566 บริษัทจะเพิ่มจำนวนที่นั่งในเครื่องบินให้เป็น 85%-90% ของจำนวนในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดและจะเพิ่มขึ้นเป็น 90%-95% ในปี 2567 และสูงเกินกว่าในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดได้ภายในปี 2568 และเมื่อพิจารณาจากภาวะการแข่งขันในธุรกิจการบินที่คู่แข่งของบริษัทหลายรายได้ลดขนาดการให้บริการลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของจำนวนเครื่องบินและบุคคลากรในช่วงเกิดโรคระบาดและอาจต้องใช้เวลานานกว่าบริษัทในการเพิ่มจำนวนที่นั่งแล้วก็ทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 85%-86% ในช่วงระหว่างปี 2566-2568
ราคาตั๋วโดยสารอยู่ในระดับสูง
ด้วยสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินในปัจจุบันทำให้ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารโดยเฉลี่ยให้สอดคล้องไปกับราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงและผันผวนได้ นอกจากนี้ การเพิ่มปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศก็น่าจะส่งผลทำให้ราคาตั๋วโดยสารโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงต่อไปได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าราคาตั๋วโดยสารโดยเฉลี่ยของบริษัทจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 1,650-1,800 บาทต่อใบในระหว่างปี 2566-2568 จาก 1,434 บาทต่อใบในปี 2565 โดยการคาดการณ์ดังกล่าวพิจารณาภายใต้การคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันเครื่องบินจะอยู่ที่ระดับ 100-110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงระหว่างปี 2566-2568
ปัจจัยเสี่ยงในเชิงลบที่สำคัญประการหนึ่งที่มีผลต่อความสามารถในการขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารของบริษัทคือภาวะความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อการใช้จ่ายในสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นซึ่งรวมถึงการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวและสันทนาการซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้ง มองว่า อุปสงค์ในการเดินทางคงค้างที่แข็งแกร่งจากประเทศจีนน่าจะช่วยบรรเทาปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวลงได้ในหลายไตรมาสข้างหน้า นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือภาวะแวดล้อมในการแข่งขันที่อาจนำไปสู่การแข่งขันในด้านราคาที่ไม่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของหลายๆ สายการบินที่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากในช่วงเกิดโรคระบาดน่าจะช่วยชะลอเรื่องการแข่งขันในด้านราคาลงไปได้ในอีก 12-24 เดือนข้างหน้าเนื่องจากสายการบินต่างๆ ต้องให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดมากกว่าส่วนแบ่งทางการตลาด
รายได้ฟื้นตัว
เมื่อพิจารณาจากมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับการเพิ่มจำนวนที่นั่งและราคาตั๋วโดยสารแล้ว ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานกรณีพื้นฐานที่คาดว่ารายได้รวมของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมาอยู่ที่ระดับ 4-4.1 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2567 และ 5 หมื่นล้านบาทในปี 2568
ความสามารถในการทำกำไรก็คาดว่าจะดีขึ้นเป็นอย่างมากจากการที่บริษัทสามารถส่งผ่านต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นไปให้ผู้โดยสารได้ นอกจากนี้ ประโยชน์จากการที่บริษัทได้มีการจัดการโครงสร้างต้นทุนในช่วงที่เกิดโรคระบาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านบุคคลากรนั้นจะช่วยให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นได้
โดยทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่า อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นจากที่เคยติดลบมาอยู่ที่ระดับประมาณ 16% ในปี 2566 และจะอยู่ที่ระดับ 18%-20% ในช่วงระหว่างปี 2567-2568 ซึ่งจะทำให้บริษัทมี EBITDA ที่ประมาณ 6.6 พันล้านบาทในปี 2566 และ 8.3-9.3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2567-2568
สถานะทางการเงินจะปรับตัวดีขึ้น
รายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งจะช่วยให้บริษัทฟื้นสถานะทางการเงินได้ โดยทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 5-7 เท่าในระหว่างปี 2566-2568
แม้ว่า ทริสเรทติ้ง จะมีมุมมองว่า รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทริสเรทติ้ง ก็คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะไม่ลดลงไปจากประมาณการมากนักเนื่องจากบริษัทมีแผนจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินโดยเริ่มตั้งแต่ในปี 2567 ซึ่งจะทำหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.8 หมื่นล้านบาทในช่วงระหว่างปี 2567-2568 จากระดับ 4.38 หมื่นล้านบาทในปี 2565
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีสัดส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนเมื่อเทียบกับหนี้สินรวม (Priority Debt Ratio) อยู่ที่ระดับ 56% โดยหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนนั้นประกอบไปด้วยหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน 3.7 พันล้านบาทและหนี้สินตามสัญญาเช่าอีกจำนวน 1.2 พันล้านบาท นอกเหนือจากหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยรวมอีกจำนวน 8.6 พันล้านบาท
ซึ่งสัดส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนเมื่อเทียบกับหนี้สินรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ของทริสเรทติ้งที่ 50% จึงทำให้ทริสเรทติ้งมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทอาจมีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงจัดอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ของบริษัทที่ระดับ ‘BB’ ซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กร 1 ขั้น
ข้อกำหนดทางการเงินที่สำคัญของวงเงินกู้ยืมระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับต่ำกว่า 3 เท่า ซึ่งบริษัทไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับการผ่อนปรนจากผู้ให้สินเชื่อแล้ว
ซึ่งทริสเรทติ้ง ยังคงคาดว่าบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติได้ตามข้อกำหนดและจะยังต้องขอรับการผ่อนปรนจากผู้ให้สินเชื่อต่อไปอีกอย่างน้อยภายใน 2 ปีข้างหน้าเนื่องจากบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นที่ยังคงติดลบ ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบอยู่ที่จำนวน 1.3 หมื่นล้าน และทริสเรทติ้งคาดว่าส่วนของผู้ถือหุ้นจะยังคงติดลบต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงปี 2568
สภาพคล่องอยู่ในวิสัยที่สามารถบริหารจัดการได้
ทริสเรทติ้ง มองว่า สภาพคล่องของบริษัทจะยังคงตึงตัวแต่คาดว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการได้ในช่วงเวลา 12 เดือนข้างหน้าจากภาวะการดำเนินงานที่ดีขึ้นมาก บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่ประกอบไปด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 794 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 และมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.6 พันล้านบาท
ในขณะที่บริษัทจะมีภาระในการชำระคืนหนี้เงินกู้ที่จะครบกำหนดซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 750 ล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจำนวน 828 ล้านบาท หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 1.75 พันล้านบาท และภาระหนี้ตามสัญญาเช่าอีก 4.3 พันล้านบาท บริษัทมีการวางแผนที่จะกู้ยืมใหม่ (รีไฟแนนซ์) และ/หรือต่ออายุหนี้ที่จะครบกำหนดชำระบางส่วนออกไป ในการนี้
ทริสเรทติ้ง คาดหวังว่า บริษัทจะยังคงนโยบายในการบริหารสภาพคล่องที่รอบคอบต่อไปเพื่อที่จะมีเงินสดสำรองและรักษาสภาพคล่องอย่างเพียงพอเพื่อที่จะรับมือกับภาวะความเสี่ยงในการดำเนินงานให้ได้ต่อไปจนกว่าธุรกิจของบริษัทจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างมั่นคง
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
- รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 4-1 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 ก่อนที่จะปรับตัวดีขึ้นเป็นประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2567 และ 5 หมื่นล้านบาทในปี 2568
- EBITDA Margin จะอยู่ที่ประมาณ 16% ในปี 2566 และจะอยู่ที่ระดับ 18%-20% ในช่วงระหว่างปี 2567-2568
- ราคาน้ำมันเครื่องบินโดยเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 100-110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในช่วงระหว่างปี 2566-2568
- งบลงทุนรวมของบริษัท (ไม่รวมการจัดหาเครื่องบิน) จะอยู่ที่ระดับ 200 ล้านบาทต่อปีในช่วงระหว่างปี 2566-2568
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าความสามารถในการสร้างผลกำไรและความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างมั่นคงจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ด้านการจราจรทางอากาศที่จะเป็นไปอย่างต่อเนื่องโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในการเดินทางคงค้างจากประเทศจีน
นอกจากนี้ สภาวะการแข่งขันที่เอื้ออำนวยน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถเพิ่มจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสามารถขึ้นราคาตั๋วโดยสารได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์การดำเนินธุรกิจที่มั่นคงเพื่อรักษาสถานะเครดิตของบริษัทให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ในขณะที่อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่ประมาณการไว้เป็นอย่างมากและ/หรือสภาพคล่องของบริษัทถดถอยลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของบริษัท
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565 |
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 |
บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BB+ |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
TAA236A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BB |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html