WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 5ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์’ ที่ ‘BBB’ แนวโน้ม ‘Stable’

ทริสเรทติ้งคง อันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) ที่ระดับ ‘BBB’ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ทั้งนี้ อันดับเครดิตสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มการเงินภายใต้การนำของ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG)

ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้น 3 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile – SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘bb’

อันดับเครดิตเฉพาะสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจหลักทรัพย์ที่อยู่ในระดับปานกลาง ตลอดจนการพึ่งพารายได้จากเงินลงทุนในระดับสูง รวมถึงฐานทุนและความสามารถในการทำกำไรที่อยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงตลอดจนแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทที่อยู่ในระดับเหมาะสมอีกด้วย

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ LHFG

ทริสเรทติ้ง ประเมินให้สถานะของ LHS เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ LHFG ซึ่งถือหุ้น 99.8% ในบริษัท โดย LHFG มีอำนาจควบคุมในการกำหนดนโยบายในการดำเนินธุรกิจตลอดจนการลงทุนและการบริหารความเสี่ยงของบริษัท อีกทั้งยังกำกับดูแลผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

LHFG มีพันธะสัญญาระยะยาวในการให้การสนับสนุนแก่ LHS โดยจะเห็นได้จากการเพิ่มทุนและการให้วงเงินสินเชื่อแก่บริษัทอย่างต่อเนื่องในอดีต ทั้งนี้ LHS ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจของ LHFG Group ในการให้บริการด้านการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าของกลุ่ม

อีกทั้ง ยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายในการให้บริการธุรกิจการธนาคารที่ครบวงจรแก่ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHBANK) อีกด้วย ในขณะที่ชื่อเสียงของบริษัทยังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับชื่อเสียงของกลุ่มจากการใช้ชื่อทางการค้าเดียวกันด้วยเช่นกัน

LHS เพิ่มความร่วมมือกับ LHBANK และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (LH Fund) ในการให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินแก่ลูกค้าในกลุ่ม ทั้งนี้ ในปี 2565 ทริสเรทติ้งได้เห็นพัฒนาการในเชิงบวกของความร่วมมือระหว่าง LHBANK และ LHS ผ่านการแนะนำลูกค้าของธนาคารให้แก่บริษัท โดย 40% ของลูกค้าใหม่ของบริษัทในปี 2565 มาจากการแนะนำของ LHBANK เมื่อเทียบกับระดับ 16% ในปี 2564

LHFG Group ยังมีแผนเพิ่มความร่วมมือภายในกลุ่มโดยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมแบบบูรณาการผ่านการเชื่อมโยงช่องทางธุรกรรม (แพลตฟอร์ม) แบบดิจิทัล ซึ่งการผสานพลังและความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันภายในกลุ่มดังกล่าวที่ส่งผลทำให้ LHS มีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีสาระสำคัญนั้นอาจส่งผลในเชิงบวกต่อสถานะเครดิตของบริษัท

 

สถานะทางการตลาดในธุรกิจหลักทรัพย์ยังอยู่ในระดับปานกลาง

สถานะทางธุรกิจของ LHS อยู่ในระดับปานกลาง โดยส่วนแบ่งรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 0.7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ในขณะที่ส่วนแบ่งรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ก็ยังคงอยู่ในระดับปานกลางเช่นกันแม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 จากระดับ 0.4% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 ก็ตาม

ทริสเรทติ้ง มองว่า ผลิตภัณฑ์และบริการที่จำกัดของ LHS อาจเป็นข้อจำกัดต่อความสามารถในการแข่งขันและการดึงดูดลูกค้าใหม่ของบริษัท

อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสถานะทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะค่อย ๆ ขยายตัวในระยะปานกลางจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งมากขึ้นภายในกลุ่ม บริษัทวางแผนจะบูรณาการการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มดิจิทัลระหว่างบริษัทและแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ LHBANK (LHB You)

เพื่อให้ลูกค้าสามารถลงชื่อเข้าใช้งานเพียงครั้งเดียวและสามารถดูภาพรวมของสินทรัพย์ทั้งหมดภายใน LHFG Group ได้ โดยแผนดังกล่าวมีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2566 ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีการขยายฐานลูกค้าและรายได้จากลูกค้าที่ส่งต่อมาจาก LHBANK มากขึ้น

 

การพึ่งพารายได้จากเงินลงทุนยังคงอยู่

รายได้ของบริษัทยังคงพึ่งพารายได้เงินปันผลจากการลงทุนเป็นแหล่งรายได้หลัก ซึ่งการกระจุกตัวที่สูงดังกล่าวส่งผลในเชิงลบต่อการประเมินความมั่นคงทางธุรกิจของบริษัท ในปี 2565 รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลคิดเป็น 50% ของรายได้รวมของบริษัท

โดยเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปีของอุตสาหกรรมที่ระดับ 6% สัดส่วน 17% ของรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจสินเชื่อเพื่อการซื้อหลักทรัพย์ (Credit Balance Business หรือ Margin Loans) ซึ่งเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในระยะเวลา 3 ปีที่ระดับ 48% หรือคิดเป็น 2.2 พันล้านบาทในปี 2565

ในทางกลับกัน รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทลดลงเหลือ 30% ในปี 2565 จาก 37% ในปี 2564 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการลดลงของปริมาณซื้อขายโดยรวมของตลาดและสัดส่วนทางการตลาดของปริมาณซื้อขายหลักทรัพย์ของ LHS ที่ลดลงเล็กน้อยเหลือ 0.49% ในปี 2565 จาก 0.57% ในปี 2564 ทั้งนี้ แหล่งที่มาของรายได้ที่หลากหลายมากขึ้นและสัดส่วนที่สูงขึ้นจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จะส่งผลในทางบวกต่อสถานะทางธุรกิจของบริษัท

ฐานทุนจะปรับตัวดีขึ้น

สถานะเงินทุนและหนี้สินของ LHS ซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินกองทุนที่ปรับความเสี่ยงแล้ว (RAC Ratio) ลดลงเหลือ 6.1% ในปี 2565 จาก 6.8% ในปี 2564 ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการขาดทุนจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยลงทุน) และบางส่วนมาจากการขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์

ทริสเรทติ้ง คาดว่า การลดลงของราคาตลาดของหน่วยลงทุนจะเป็นเพียงชั่วคราวซึ่งจะทำให้ RAC Ratio ที่ปรับลดลงนั้นปรับตัวดีขึ้น ในระยะปานกลางทริสเรทติ้งคาดว่า RAC Ratio ของบริษัทจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นและจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 6.5% จากการเพิ่มขึ้นของผลกำไร ตลอดจนนโยบายการจ่ายเงินปันผลแบบอนุรักษ์นิยม และการจำกัดการเพิ่มพอร์ตการลงทุน

 

ความสามารถในการสร้างผลกำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทริสเรทติ้ง คาดว่า ความสามารถในการสร้างผลกำไร (Earnings Capacity) ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางแต่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยทริสเรทติ้งประมาณการอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์ที่ปรับความเสี่ยงแล้วโดยเฉลี่ย (EBT/ARWA) ของ LHS ว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.6% ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ในปี 2565 EBT/ARWA ของบริษัทลดลงเหลือ 0.4% จาก 0.8% ในปี 2564 เนื่องจากมีรายการตั้งสำรองเพียงครั้งเดียว หากไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวนี้ EBT/ARWA ของบริษัทจะลดลงเล็กน้อยเหลือ 0.7% ในปี 2565

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีการบริหารจัดการต้นทุนในการดำเนินงานที่ดีโดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ระดับ 36.8% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 58.6% ในการนี้ การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และความร่วมมือระหว่างกันในกลุ่มน่าจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างผลกำไรของ LHS ได้ในระยะยาว

 

มีสถานะด้านความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เหมาะสม

ทริสเรทติ้ง พิจารณาว่า LHS มีสถานะด้านความเสี่ยงอยู่ในระดับที่เหมาะสมเนื่องจากบริษัทมีการปฏิบัติตามนโยบายการควบคุมความเสี่ยงของ LHFG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่เป็นกลุ่มการเงินภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ทริสเรทติ้ง มองว่า บริษัทมีความเสี่ยงทางด้านเครดิตอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำจากการมีกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ระมัดระวัง การมีมาตรฐานการพิจารณาการให้สินเชื่อที่รอบคอบ และการมีนโยบายในการรักษาระดับหลักประกันที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม LHS มีความเสี่ยงด้านการตลาดจากการที่บริษัทมีการลงทุนในหน่วยลงทุนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แม้ในมุมมองของทริสเรทติ้งจะเห็นว่ากลยุทธ์การลงทุนโดยรวมของบริษัทค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเนื่องจากมีการถือเงินลงทุนในระยะยาวและมีรายได้เงินปันผลที่มั่นคง

แต่เนื่องจากขนาดพอร์ตเงินลงทุนมีขนาดใหญ่ บริษัทจึงอาจได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง อนึ่ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 เงินลงทุนรวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3.5 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้นซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.5 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทไม่มีความตั้งใจที่จะขยายพอร์ตการลงทุนเพิ่มเติม

 

แหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอจากการสนับสนุนของบริษัทแม่

ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า LHS มีเงินทุนและสถานะสภาพคล่องที่เพียงพอ เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทลูกของ  LHFG ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทน่าจะได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างทันการณ์จากกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับวงเงินสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจาก LHBANK อีกด้วย ซึ่ง ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อรวมทั้งสิ้น 7 พันล้านบาท โดย 93% เป็นวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจาก LHBANK นอกจากนี้ บริษัทยังได้ออกตั๋วแลกเงิน (B/E) มูลค่ารวม 3.5 พันล้านบาทเพื่อเสนอขายให้แก่ลูกค้าองค์กรของธนาคารอีกด้วย

 

บริษัทหลักทรัพย์ต้องเผชิญกับปัจจัยความเสี่ยงที่หลากหลาย

การชะลอตัวของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในปี 2565 ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายซึ่งทำให้กำไรของบริษัทหลักทรัพย์ลดลง 67% ในปี 2565 จากภาวะตลาดที่ย่ำแย่ ซึ่งส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันชะลอตัวลงเหลือ 7.7 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับ 9.4 หมื่นล้านบาทในปี 2564

ทั้งนี้ ในปี 2566 ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งทั่วไปอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อบริษัทหลักทรัพย์อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อก็อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อสภาวะและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วโลกต่อไปได้อีกด้วย

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับผลการดำเนินงานบริษัทในระหว่างปี 2566-2568 มีดังนี้

  • ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6%
  • อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 1%
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 40%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า LHS จะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ LHFG และจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งทางด้านการเงินและ/หรือด้านการดำเนินธุรกิจจากบริษัทแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป

นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งอีกด้วยว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะที่บริษัทยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานทางการเงินและฐานทุนที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากบริษัทมีรายได้ประจำจากธุรกิจหลักคือธุรกิจหลักทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมี RAC Ratio อยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 6% เป็นระยะที่ยาวนานต่อเนื่อง ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากบริษัทมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญและ RAC Ratio ลดลงต่ำกว่า 3% ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 ปี

อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการทบทวนใหม่หากมุมมองของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับสถานภาพของบริษัทที่มีต่อ LHFG นั้นเปลี่ยนแปลงไป การปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากการสนับสนุนจากทางกลุ่มก็มีความเป็นไปได้หากมีพยานหลักฐานในการสนับสนุนจาก CTBC Bank Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ LHFG ที่ส่งผ่านโดยตรงไปยัง LHS หรือมีบูรณาการของความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานระหว่าง CTBC Bank และ LHS

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563

 

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS)

อันดับเครดิตองค์กร:

BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

    © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

    ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

Click Donate Support Web  

kasat 720x100QIC 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100ais 720x100 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!