- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Thursday, 09 March 2023 15:13
- Hits: 1864
MGT ปี 65 กําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.05 ล้านบาท ออกสินค้าโปรตีนจากแมลงผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง
บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) MGT แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภาพรวมผลการดําเนินงานสําหรับ ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และสําหรับ ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 กําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.05 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.35 เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ในรูปแบบโปรตีนจากแมลงไปผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งสัตว์บก-สัตว์น้ำ สร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น
ดร.วิทยา อินาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เผยว่า รายได้จากการขาย ไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าลดลง 42.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 16.20 สําหรับปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้า เพิ่มขึ้น 114.40 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อย ละ 12.14 เกิดจากยอดขายที่เพิ่มของบริษัทฯ และบริษัทย่อย กําไรขั้นต้น ไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นลดลง 11.92 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 16.62
สําหรับ ปี 2565 บริษัทฯ มีกําไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 9.05 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.35 เกิดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจําหน่ายและบริหาร ไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจําหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.33 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.09
สําหรับปี 2565 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจําหน่ายและบริหารเพิ่มขึ้น 40.21 ล้านบาท คิดเป็น อัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.05
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาจากบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ซื้อมาในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ในขณะที่ค่าใช้จ่าย ของบริษัทฯ คงที่และค่าใช้จ่ายของบริษัทย่อยอื่น ลดลงจากปีก่อน
บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) กําไรสุทธิ ไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ ลดลง 18.24 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 69.06 สําหรับ ปี 2565 บริษัทฯ มีกําไรสุทธิ ลดลง 29.42 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 25.69 โดยลดลงจาก กําไรสุทธิของบริษัทย่อยที่ลดลง เนื่องมาจากในปี 2564 บริษัทย่อยมีรายได้จากการขายสินค้าที่สูงกว่าระดับปกติ อันเนื่องมาจากสถานการณ์ โควิด-19 ที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทย่อย
แต่ในปี 2565 รายได้จากการขายของบริษัท ย่อยได้กลับเข้าสู่การเติบโตในภาวะปกติของธุรกิจ ดังนั้น จึงทําให้ภาพรวมของบริษัทฯ ในปี 2565 มีกําไรสุทธิลดลง จากผลการดําเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 และสําหรับปี 2565 สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของ ประเทศยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2022 อ่อนค่าลงเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2021
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงมีวิธีบริหารจัดการและเตรียมการรับมือกับ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ดังจะเห็นได้จากบริษัทฯ ยังคงมีกําไรจากอัตรา แลกเปลี่ยนในปี 2022 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะทําให้เกิดความเสี่ยงหรือส่งผลกระทบ ต่อบริษัทฯ ในทุกๆ ด้านและเตรียมรับมือกับภาวะความผันผวนต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาผลประโยชน์อัน สูงสุดให้แก่บริษัทฯ และผู้ลงทุนเป็นสําคัญ และบริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่แสวงหาโอกาสในด้านธุรกิจเพื่อเพิ่มผล กําไรอย่างสม่ําเสมอ
งวดงบการเงิน ณ วันที่ งบปี 256131 ธ.ค. 2561 งบปี 256231 ธ.ค. 2562 งบปี 256331 ธ.ค. 2563 งบปี 256431 ธ.ค. 2564 งบปี 256531 ธ.ค. 2565
บัญชีทางการเงินที่สำคัญ
สินทรัพย์รวม 521.03 499.94 585.98 855.74 833.31
หนี้สินรวม 112.22 62.19 72.23 208.03 166.3
ส่วนของผู้ถือหุ้น 376.27 403.26 475.42 540.64 562.83
มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 200 200 200 200 200
รายได้รวม 667.65 681.78 752.87 951.92 1,062.35
กำไร (ขาดทุน) จากกิจกรรมอื่น -16.02 - 3.3 -0.64 -0.98
กำไรสุทธิ 49.17 71.5 99.68 105.25 82.23
กำไรต่อหุ้น (บาท) 0.12 0.18 0.25 0.26 0.21
อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
ROA (%) 14.41 18.51 23.3 20.22 13.03
ROE (%) 13.15 18.35 22.69 20.72 14.9
อัตรากำไรสุทธิ (%) 7.64 11.03 14.62 12.03 8.01
ค่าสถิติสำคัญ ณ วันที่ 30 ธ.ค. 62 30 ธ.ค. 63 30 ธ.ค. 64 30 ธ.ค. 65 8 มี.ค. 66
ราคาล่าสุด (บาท) 1.73 2.2 4.88 3.54 3.5
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) 692 880 1,952.00 1,416.00 1,400.00
วันที่ของงบการเงินที่ใช้คำนวณค่าสถิติ 30 ก.ย. 62 30 ก.ย. 63 30 ก.ย. 64 30 ก.ย. 65 31 ธ.ค. 65
P/E (เท่า) 11.32 8.51 19.95 14.58 17.03
P/BV (เท่า) 1.72 1.92 3.78 2.56 2.49
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) 1.01 1.15 1.29 1.38 1.41
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (%) 5.78 4.09 2.05 4.24 3.14
สำหรับ ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายหาซัพพลายเออร์รายใหม่ๆ ได้เจรจากับนักลงทุนจีน และอินเดีย ในโครงการต่างๆ ไปสู่การลงทุนร่วมกัน เบื้องต้นเป็นการสั่งซื้อสินค้าจากพันธมิตรเหล่านี้ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มีปัญหาการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยพุ่งเป้ามาที่ตลาดอาเชียนเพื่อหาตลาดใหม่ มาที่ประเทศไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย เมื่อสินค้ามีหลากหลายมากขึ้นจะทำให้รายได้ปี 2566 ดีตามไปด้วย เนื่องจากบริษัทฯมีฐานลูกค้าจำนวนมากอยู่แล้ว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนร่วมมือกับพันธมิตร เปิดตัวสินค้าใหม่ในรูปแบบโปรตีนจากแมลงที่สูงกว่า 65 เปอร์เซ็นต์ ที่นำไปทำเป็นอาหารสัตว์พวกกุ้ง -ปลา เพราะประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอันดับ 2-3 ของโลก และอาหารสุกร-ไก่ โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง PetzFriend สุนัข-แมว ประเทศไทยมีส่งออกปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท และตลาดในประเทศมีการเติบโตมากทุกๆปี
"ภาพรวมธุรกิจในปี 2566 คาดว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ แต่ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทาย จากสถานการณ์ทั้งภายในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ รวมถึงราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงมีการชะลอตัวอยู่บ้าง แต่ด้วยแผนการวางกลยุทธ์การตลาดผ่านการทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย"