- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Monday, 27 February 2023 17:01
- Hits: 1708
PJW ลั่น! ปี 66 เทิร์นอะราวด์ ปักหมุดรายได้โต 10% จีนเปิดปท.หนุนดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนมพุ่ง นิวโมเดลเข้าดันยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์ทะลัก บอร์ดใจป้ำสั่งจ่ายปันผลตอบแทนน้ำใจผู้ถือหุ้นอัตรา 0.05 บาท/หุ้น
บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) ประเมินแนวโน้มธุรกิจปี 66 สดใส มั่นใจผลงานเทิร์นอะราวด์เด่นชัด ประกาศตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ หนุนดีมานด์บรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นและนม แถมด้วยงานนิวโมเดลที่เข้ามาในระหว่างปีดันยอดขายชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่ม ระบุตอนนี้ตุนออเดอร์ไว้ในมือเพียบ มั่นใจธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยวฟื้นตัวแรง บิ๊กบอส "วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" ระบุพร้อมลุยขยายธุรกิจ New S-curve ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกคาดเริ่มผลิตได้ในปีนี้ เปิดกลยุทธ์เดินหน้าจับมือพันธมิตรเพิ่มผลักดันอนาคตโตก้าวกระโดด ด้านผลงานปี 65 รายได้รวมยังขยายตัวต่อเนื่องแตะระดับ 3,361 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.9% จากปีก่อน พร้อมกันนี้บอร์ดเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพิ่มอัตรา 0.05 บ./หุ้น โดยมีกำหนดขึ้น XD วันที่ 19 เม.ย.และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พ.ค.โดยกำหนดวันประชุม AGM วันที่ 5 เม.ย.นี้
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ PJW เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯคาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากปีก่อนโดยตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตไว้ที่ 10% เนื่องจากภาครัฐเดินหน้านโยบายเปิดเมืองเต็มรูปแบบรวมถึงประเทศจีนเปิดประเทศได้เร็ว ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้สินค้าหลักของบริษัทในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกทั้งน้ำมันหล่อลื่นและนมเปรี้ยว รวมถึงบรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคอื่นๆ กลับมาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย
นอกจากนี้ จากปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิปที่ขาดแคลนเริ่มคลี่คลายส่งผลให้อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์พลาสติกมีความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีงานโมเดลรถยนต์รุ่นใหม่กับลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์จากค่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายชิ้นส่วนพลาสติกของอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่มขึ้นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่เป็นปัจจัยบวกคือแนวโน้มต้นทุนราคาวัตถุดิบ ค่าพลังงาน เริ่มทยอยปรับตัวลงต่อเนื่องและอานิสงฆ์ของค่าเงินบาทที่มีความเสถียรภาพมากขึ้น
"บริษัทฯยังคงเดินหน้าที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้าง New S-curve ผลักดันการเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยอยู่ระหว่างเพิ่มสายการผลิตในส่วนผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ คาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ รวมทั้งยังคงเปิดโอกาสในการศึกษาและหา Synergy ใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในด้านผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากพลาสติกเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่จะสนับสนุนการเติบโตได้อย่างแน่นอน" นายวิวรรธน์กล่าว
สำหรับภาพรวมมผลการดำเนินงานในงวดปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 274 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 3,087 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 83.5 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดจากยอดขายอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในภาพรวมที่เติบโตขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวรวมถึงมีรายได้จากงานบริการของบริษัทย่อย มาสเตอร์ลอนดรี้ ประกอบกับราคาขายทยอยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาเม็ดพลาสติก ขณะที่กำไรลดลง เนื่องจาก มีการล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่องที่เมืองเจียงซูและเมืองเทียนจิน ประเทศจีนจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องหยุดผลิต แต่ปัจจุบันเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติรวมทั้งได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้าและแก๊สหุงตัม รวมถึงค่าแรง ค่าขนส่งที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วทำให้ไม่สามารถปรับราคาได้ทันส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอวาระการจ่ายเงินปันผลเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นโดยขออนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 เพิ่มเติมหลังการจ่ายหุ้นปันผลและเงินสดในเดือนตุลาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยเสนอที่ประชุมจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 0.0775 บาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 10 มีนาคม ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เมษายน และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
A2771