- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Monday, 06 February 2023 23:18
- Hits: 1262
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ‘บ.เมืองไทย แคปปิตอล’ ที่ ‘BBB+’ แทนที่หุ้นกู้เดิมอายุไม่เกิน 5 ปี
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ’BBB+’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี 1 เดือนของบริษัทที่ระดับ ‘BBB+’ ด้วยเช่นกัน
โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์จะขยายอายุครบกำหนดไถ่ถอนจากเดิมที่ไถ่ถอนภายใน 5 ปี โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปใช้ชำระคืนหนี้และขยายพอร์ตสินเชื่อ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกัน (Title Loan) และฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง ตลอดจนเสถียรภาพในการทำกำไร แหล่งเงินทุนที่หลากหลายและเพียงพอ รวมถึงสภาพคล่องที่มีมากพอของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากคุณภาพสินทรัพย์ที่มีสัญญาณว่า จะถดถอยลงอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
ความชำนาญในการดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของบริษัทน่าจะทำให้บริษัทยังคงดำรงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในอันดับต้น ๆ ของธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันต่อไปได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 25% จาก ณ สิ้นปี 2564 มาอยู่ที่ระดับ 1.15 แสนล้านบาท
ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า พอร์ตสินเชื่อโดยรวมของบริษัทจะเติบโตที่ระดับ 26% ในปี 2565 และจากนั้นจะเติบโตที่ระดับ 16%-18% ต่อปีในช่วงปี 2566-2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งยังคงมีอุปสงค์ที่ดีจากสภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ
ในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมนั้น บริษัทมีอัตราส่วนลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตหรือลูกหนี้ชั้นที่ 3 (NPL) ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ที่มีสัญญาณของแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นโดยปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.3% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 จากที่ระดับ 1.4% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564
ในขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยของบริษัทเมื่อปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วนั้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 จากระดับประมาณ 1% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
การเสื่อมถอยของคุณภาพสินทรัพย์เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของ NPL ในกลุ่มของสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ตลอดจนสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (นาโนไฟแนนซ์) และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับคู่แข่งหลายรายในอุตสาหกรรม บริษัทมีแนวโน้มที่จะขยายสินเชื่อดังกล่าวด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นต่อไป ดังนั้น ธุรกิจใหม่ดังกล่าวจึงอาจต้องใช้เวลานานมากกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ในการที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยรับของบริษัทได้
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ถึงแม้ว่า คุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงนั้นยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้และมีผลกระทบต่อสถานะความเสี่ยงของบริษัทในขอบเขตที่จำกัด แต่คุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตได้เช่นกัน
บริษัทน่าจะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรต่อไปได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้าถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่า จะสูงขึ้นและมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ย (EBT/ARWA) ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อัตราส่วน EBT/ARWA ของบริษัทเมื่อปรับให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้วนั้นอยู่ที่ระดับ 6%
ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วน EBT/ARWA ของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ระดับประมาณ 5%-6% ในระหว่างปี 2565-2567
ทริสเรทติ้ง ประเมินให้ฐานทุนของบริษัทอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงอยู่ที่ระดับประมาณ 20% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ทั้งนี้ ผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง และนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่มีความระมัดระวังช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทมีความเข้มแข็งแม้ว่า บริษัทจะมีแผนการขยายสินเชื่อจำนวนมากก็ตาม
โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 3.4 เท่าในขณะที่เงื่อนไขสำคัญทางการเงินกำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ระดับไม่เกิน 4.5 เท่า
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทจะมีสถานะเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอเนื่องจากบริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทั้งจากตลาดตราสารหนี้และตลาดตราสารทุน รวมทั้งยังมีวงเงินสินเชื่อที่มีกับสถาบันการเงินอีกหลายแห่งซึ่งช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อและช่วยลดทอนความเสี่ยงด้านสภาพคล่องลงได้ด้วย
โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2565 บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ รวมทั้งสิ้นจำนวน 3.97 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 24% ของวงเงินดังกล่าวนั้นยังไม่มีการเบิกใช้
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อที่มีหลักประกันเอาไว้ได้ต่อไป รวมทั้งบริษัทจะมีความสามารถในการทำกำไรและมีเงินทุนที่แข็งแกร่ง ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 25% อย่างต่อเนื่องในระยะหนึ่งในขณะที่ผลประกอบการทางการเงินซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์เสี่ยงถัวเฉลี่ยยังคงอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับปัจจุบัน
ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนส่งผลให้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่า 3% หรือหากสถานะเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจนกระทั่งอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 15% อย่างต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB+ |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
MTC232C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,514 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
MTC237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,756.70 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
MTC23NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,319.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
MTC23NC: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,836.60 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
MTC243B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,486 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
MTC248A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,641.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
MTC248C: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,728.20 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
MTC24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,367 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
MTC24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,902 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
MTC252A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,609 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
MTC256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
MTC258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,361.80 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
MTC258B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,124.50 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
MTC25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,598 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
MTC262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,391 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
MTC264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,634.6 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
MTC266A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,831.1 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
MTC268A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 996.40 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
MTC26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
MTC272A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 |
BBB+ |
MTC276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 933.2 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 |
BBB+ |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี 1 เดือน |
BBB+ |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง
ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาท ‘บ.เมืองไทย แคปปิตอล’ ที่ ‘BBB+’ แทนที่หุ้นกู้เดิมอายุไม่เกิน 5 ปี