- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Thursday, 19 January 2023 15:57
- Hits: 1553
FPT เปิดเกมธุรกิจปี’66 เผย 4 กลยุทธ์เสริมแกร่ง ปูพรมขยายโครงการแนวราบทุกเซกเมนต์ พร้อมบุกตลาดคอนโดฯ จ่อเปิด 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) มองภาพอสังหาฯ ปี’66 ส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เดินหน้าเปิดเกมรุกเต็มสูบ ลุยเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 17,500 ล้านบาท ปักหมุดกลยุทธ์ ‘เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม เติบโตบนสมรภูมิใหม่’
เพิ่มพอร์ตพัฒนาโครงการแนวราบครบทุกเซกเมนต์ทั่วทุกมุมเมือง รับดีมานด์ตลาดบ้านเดี่ยวโต หวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำในจังหวัดที่มีการขยายตัวของเมืองและแหล่งงาน เสริมทัพด้วยแผนพัฒนาโครงการคอนโด Low Rise ปักธงทำเล กลางเมือง พร้อมขยายพอร์ตโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่อีก 1 แบรนด์ใหม่ ตั้งเป้าสิ้นปี’66 มียอดรับรู้รายได้ 13,000 ลบ. เติบโต 14% จากปี’65
นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงสนับสนุนจากมาตรการเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนเพิ่มขึ้นของภาคเอกชน การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นโยบายการเปิดประเทศที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาและคาดว่าจะมีจำนวนสูงกว่า 20 ล้านคนในปี 2566 ซึ่งภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญผลักดันเศรษฐกิจไทยขยายตัวที่ 3.0 - 3.5% ประกอบกับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ
โดยเฉพาะในหัวเมืองหลักเพื่อรองรับการกลับมาของการท่องเที่ยว พร้อมทั้งนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยกลับเข้ามา ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง
“แผนธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรอรับรู้รายได้ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2565 โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ, ทาวน์โฮม 2 โครงการ, บ้านแฝด 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โดยบริษัทฯ เดินหน้าทรานส์ฟอร์มครั้งใหญ่ตามแผน
เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในการดำเนินธุรกิจครั้งสำคัญให้ก้าวเข้าสู่ความแข็งแกร่งในทุกด้าน ภายใต้วิสัยทัศน์ คิดใหม่ ทำใหม่ (ให้) ใหม่เสมอ เพื่อสร้างผลตอบแทนบนรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอ ผ่าน 2 กุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิม
พัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพด้วยสินค้าที่มีคุณภาพและมีนวัตกรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน และเติบโตบนสมรภูมิใหม่ กับการสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตของธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ และสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยให้แตกต่างจากที่เคย”นายแสนผินกล่าว
สำหรับ 4 กลยุทธ์เสริมแกร่งบนน่านน้ำเดิมและเติบโตบนสมรภูมิใหม่ ประกอบด้วย
1. แผนเดินหน้าเปิดตัวโครงการบ้านในทุกระดับราคา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพัฒนาโครงการประเภทบ้านเดี่ยวในทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ซึ่งหวังเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ประจำในจังหวัดที่มีการขยายตัวของเมืองและแหล่งงาน ด้วยการนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและมีนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับเรื่องการใช้งานแบบมีสไตล์สะท้อนตัวตน ปรับฟังก์ชันการใช้งานให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้า
ขณะเดียวกัน ยังคงรักษาการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม ด้วยการพัฒนาโครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูง และโดนเด่นด้วยฟังก์ชันที่ครองใจลูกค้า รวมถึงพัฒนาบ้านแฝดที่เน้นการออกแบบและฟังก์ชันที่เทียบเท่าบ้านเดี่ยว เน้นทำเลใกล้เมืองและแหล่งอำนวยความสะดวก ด้วยราคาที่จับต้องได้
2. เดินหน้าจัด Big Campaign เพื่อกระตุ้นยอดขายตลอดปี 2566 ซึ่งวางแผนจัดแคมเปญทางการตลาดและโปรโมชั่นพิเศษตลอดทั้งปี เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้กับผู้บริโภค พร้อมทั้งเป็นการสร้างการรับรู้ และจดจำแบรนด์สินค้าของบริษัทอีกด้วย
3. บุกตลาดคอนโด Low Rise เนื่องจากเห็นโอกาสทางการตลาดหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายที่ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่ม กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ระดับราคา 3-5 ล้านบาทที่มีสัดส่วนดีมานด์เพิ่มมากที่สุดในปี 2565 ในขณะที่สินค้าคงเหลือในตลาดกลับมีไม่เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการคอนโด Low Rise ด้วยโลเคชันตั้งอยู่ในเมืองและใกล้รถไฟฟ้าภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
4. ขยายพอร์ตโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ และระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ซึ่งจะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ขึ้นไปในระดับราคา 60-120 ล้านบาทใน 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ The Royal Residence (เดอะ โรยัล เรสซิเดนซ์) ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ รวมถึง Alpina (อัลพีน่า) และ The GRAND (เดอะ แกรนด์) เน้นเจาะกลุ่มครอบครัวคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเอง และสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
เกี่ยวกับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) ผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของประเทศไทย เป็นหนึ่งใน 3 กลุ่มธุรกิจ ของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “FPT” ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม มีโครงการที่พักอาศัยคุณภาพสูงรวม 75 โครงการในหลายทำเลครอบคลุมทุกระดับ ภายใต้แบรนด์ โกลเด้น, นีโอ โฮม, แกรนดิโอ และเดอะ แกรนด์ ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์รวมถึง 70,000 ล้านบาท
ข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดู home.frasersproperty.co.th
เกี่ยวกับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย” ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีชื่อย่อหลักทรัพย์ “FPT” และเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จากการเข้าซื้อกิจการของบริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “GOLD” ทำให้ปัจจุบัน เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย เป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรรายแรกของประเทศไทย ที่มีแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมประเภทที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และ อุตสาหกรรม นอกจากนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย ยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT
ซึ่งปัจจุบันเป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้สนับสนุนและผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โกลเด้นเวนเจอร์ หรือ GVREIT เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชยกรรม ทั้งนี้ FPT, FTREIT และ GVREIT เป็นบริษัทและกองทรัสต์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย