- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Monday, 14 November 2022 09:24
- Hits: 1235
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กร ‘บ.พรีเชียส ชิพปิ้ง’เป็น’BBB’ จาก ‘BBB-‘ แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ ‘BBB’ จาก ‘BBB-‘ พร้อมคงแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยการเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงภาระหนี้ของบริษัทที่ลดลงและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอันเป็นผลจากภาวะตลาดขาขึ้นและค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูง
การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ว่า อุปสงค์และอุปทานของอุตสาหกรรมจะยังคงอยู่ในสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อไปในอีก 1-2 ปีข้างหน้าซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถลดภาระหนี้ได้มากขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับรอบการลงทุนในอนาคตหรือใช้รองรับในกรณีที่อุตสาหกรรมอยู่ในช่วงขาลงครั้งต่อไป
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นธรรมชาติของอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนและมีวงจรขึ้นลง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่ชะลอการเติบโตของอุปทานในระยะใกล้นั้นก็เป็นปัจจัยลดทอนอันดับเครดิตด้วยเช่นกันเนื่องจากบริษัทจะมีภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนขนาดใหญ่ในอนาคตเพื่อปรับเปลี่ยนกองเรือ
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
ภาวะอุปสงค์และอุปทานที่เอื้ออำนวย
ทริสเรทติ้ง ยังคงคาดว่า ภาวะอุปทานของเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางโดยมีอัตราการสั่งต่อเรือใหม่ในระดับต่ำ ซึ่งความไม่แน่นอนด้านการออกแบบและเทคโนโลยีในการต่อเรือใหม่เพื่อให้รองรับกับมาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อลดการสร้างคาร์บอนจากเชื้อเพลิง (Decarbonization) นั้นส่งผลให้การสั่งต่อเรือใหม่อยู่ในระดับต่ำ
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานคือความจำกัดของอู่ต่อเรือที่ขณะนี้เต็มไปด้วยคำสั่งต่อเรือ Container และเรือขนส่งน้ำมันและก๊าซ นอกจากนี้ การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งจะมีผลในเดือนมกราคม 2566 นี้ยังอาจส่งผลในการลดความเร็วในการเดินเรือลงและเร่งให้มีการปลดระวางเรือเก่าหรือเรือที่ไม่คุ้มค่าในการเดินเรือ
ในด้านของอุปสงค์นั้น ความขัดแย้งระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนน่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเส้นทางขนส่งสินค้าและอาจสร้างประโยชน์ให้แก่อุปสงค์สินค้าแห้งเทกองในหน่วยตัน-ไมล์ (Tonne-mile) ของสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท เช่น ถ่านหินและธัญพืชได้ในระยะสั้น ทว่าความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยทั่วโลกนั้นถือว่าเป็นปัจจัยคุกคามที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าแห้งเทกอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชะลอตัวของเศรษฐกิจและวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตของอุปสงค์เรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมีความเห็นว่าการเติบโตของอุปสงค์ต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการโดยรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน
ทริสเรทติ้ง ยังคงมีมุมมองว่าอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองนั้นมีความเสี่ยงที่สูงและเป็นปัจจัยที่จำกัดการประเมินสถานะความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทแม้ว่าภาวะอุปสงค์และอุปทานจะมีพัฒนาการที่เอื้ออำนวยในระยะสั้นก็ตาม การที่อุตสาหกรรมประกอบไปด้วยผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากนั้นทำให้เกิดภาวะอุปสงค์และอุปทานที่ไม่สมดุลบ่อยครั้งรวมถึงการเกิดภาวะอุปทานส่วนเกินในอดีต
และด้วยธรรมชาติของธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนขนาดใหญ่ และไม่สามารถให้บริการที่แตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นได้ก็มักทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงในด้านของราคาซึ่งส่งผลกดดันความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการ
ปี 2565 เป็นอีกปีหนึ่งที่ดีมาก
จากมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่ออุปสงค์และอุปทานในอุตสาหกรรมรวมทั้งการคาดการณ์ว่า ภาวะชะงักงันอันเป็นผลจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ค่อยๆ คลี่คลายลงซึ่งจะผ่อนคลายข้อจำกัดและความไม่มีประสิทธิภาพด้านอุปทานลงนั้น ทริสเรทติ้ง จึงคาดการณ์ว่า ค่าระวางเรือจะลดลงสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้นแต่จะยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจในอนาคตหลังจากนี้
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณี้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าค่าระวางเรือ (Time Charter Rate -- TC) โดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2565 และจะอยู่ในระดับปกติที่ระหว่าง 12,000-14,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในระหว่างปี 2566-2567 โดยทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องด้วยการมีค่าใช้จ่ายในการเดินเรืออยู่ในระดับเฉลี่ยที่ประมาณ 4,800-5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในช่วงปี 2565-2567
ทริสเรทติ้ง ประมาณการว่า บริษัทจะมีรายได้ประมาณ 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 และ 170-200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567 โดยจะมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่จำนวน 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 และ 80-110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567 รวมทั้งจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 170 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 และ 70-100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567
สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น
ทริสเรทติ้ง คาดหวังให้บริษัทใช้เงินที่ได้รับเพิ่มขึ้นในช่วงตลาดขาขึ้นนี้อย่างระมัดระวังโดยพยายามรักษาสมดุลระหว่างการลดภาระหนี้และการจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะทยอยลดภาระหนี้ลงจนมีสถานะปลอดหนี้ในที่สุดในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยนอกเหนือจากการซื้อเรือใหม่ 2 ลำที่มูลค่ารวม 51 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเร็วๆ นี้แล้ว ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะไม่มีการลงทุนใหญ่ๆ ในช่วงเวลาประมาณการ
ทริสเรทติ้ง ประเมินให้สถานะสภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอในระยะ 12 เดือนข้างหน้านับจากเดือนมิถุนายน 2565 ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้สินทางการเงินที่จะครบกำหนดชำระรวมประมาณ 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งยังมีแผนการลงทุนรวมที่ประมาณ 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจ่ายเงินปันผลอีกประมาณ 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนแหล่งสภาพคล่องหลักของบริษัทนั้นมาจากเงินสดในมือจำนวนประมาณ 57 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 และเงินทุนจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเนื่องจากหนี้สินทั้งหมดเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน ทริสเรทติ้งจึงมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันในการเรียกร้องสิทธิ์เหนือทรัพย์สินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ตามข้อกำหนดทางการเงินที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2 เท่านั้น ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 0.53 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาประมาณการ
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
- ค่าระวางเรือโดยเฉลี่ยของบริษัทจะอยู่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในปี 2565 และจะอยู่ที่ระหว่าง 12,000-14,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในระหว่างปี 2566-2567
- ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือจะอยู่ในระดับเฉลี่ยที่ประมาณ 4,800-5,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันต่อลำในช่วงปี 2565-2567
- EBITDA จะอยู่ที่ประมาณ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 และ 80-110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567
- ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมจะอยู่ที่ประมาณ 52 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2565 และรวมประมาณ 1-2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในระหว่างปี 2566-2567
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’ หรือ’คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าภาวะอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจะยังคงเอื้ออำนวยและบริษัทจะยังมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการเพิ่มอันดับเครดิตนั้นมีจำกัดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิต/แนวโน้มอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ และ/หรือสถานะสภาพคล่องของบริษัทถดถอยลงอย่างมาก
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSL)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html