- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Thursday, 27 October 2022 17:32
- Hits: 2280
KLINIQ ผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร คลินิกเจ้าแรกเข้าระดมทุนตลาดหุ้น ชูจุดแข็งขยายสาขาได้เร็ว-ไร้หนี้-แบรนด์สตรอง เคาะราคาขายไอพีโอที่ 24.50 บาท เปิดจอง 28 ต.ค.-1 พ.ย.นี้
KLINIQ ผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร เคาะราคาขายไอพีโอที่ 24.50 บาท เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 28 ต.ค. และ 1 พ.ย. เตรียมเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในเดือนพ.ย.นี้ ด้านที่ปรึกษามือทองจาก บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยม ในฐานะคลินิกเจ้าแรกเข้าระดมทุนหุ้น ชูจุดเด่น Asset Light ขยายสาขาได้เร็ว-ไร้หนี้-แบรนด์แกร่ง-Recurring Income ฟากผู้บริหาร ‘นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์’ พร้อมลุยขยายสาขา 6-10 แห่ง ตามแผน ทั้งในกรุงเทพฯ-หัวเมืองหลัก-หัวเมืองรอง รองรับดีมานด์ผู้บริโภค หนุนผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่องในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (DAOL) ในฐานะปรึกษาทางการเงิน บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 24.50 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม-วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “KLINIQ” ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ
ทั้งนี้ KLINIQ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น ให้แก่ประชาชน หรือคิดเป็นร้อยละ 27.27 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 7 แห่ง ประกอบด้วย บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จํากัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จํากัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน), บริษัท หลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน)
“มั่นใจว่า KLINIQ จะได้รับการตอบรับนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและความงามครบวงจร และเป็นคลินิกเจ้าแรกที่เข้าระดมทุนในตลาดหุ้น และจากโมเดลธุรกิจ Asset Light ทำให้การขยายสาขาได้รวดเร็ว ต้นทุนไม่สูง คืนทุนได้ภายใน 2-3 ปี อีกทั้งทีมผู้บริหารยังให้ความสำคัญในเรื่องของวินัยทางการเงิน เห็นได้จากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง แทบจะเรียกได้ว่าไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ผนวกกับแบรนด์ THE KLINIQUE ที่มีความแข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้ซ้ำ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) หนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง”
ทั้งนี้ เห็นได้จากผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 451.59 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 60.00 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 2564 ทั้งปีอยู่ที่ 129.25 ล้านบาท
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) (KLINIQ) กล่าวว่า วัตถุประสงค์การระดมทุนทุนในครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาคลินิกเวชกรรม ราว 6-10 สาขาต่อปี ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ และหัวเมืองรอง โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรมและจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมประมาณ 950 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนทุนภายใน 2-3 ปี ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าจะคืนทุนภายใน 3-4 ปี
นอกจากนี้ ยังเตรียมนำเงินไปใช้สำหรับจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์ ขยายกิจการศูนย์ศัลยกรรม และพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน โดยในส่วนของการพัฒนาระบบ IT งบลงทุนอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปี 2566 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 270 ล้านบาท
“เรามั่นใจว่าด้วยจากโมเดลธุรกิจ Asset Light และฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง หลังเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งแบรนด์ THE KLINIQUE ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากจำนวนลูกค้าที่มีกว่า 2 แสนราย ที่กลับมาใช้ซ้ำ ทำให้มี Recurring Income และจากแผนการขยายสาขา จะทำให้บริษัทฯเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ผลักดันแนวโน้มผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง” นายแพทย์อภิรุจ กล่าวในที่สุด
A10992