WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 4ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย)’ ที่ ‘A’ และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท ที่ ‘A’


แนวโน้ม ‘Stable’

ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน

ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทที่ระดับ ‘A’ ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนหนี้และ/หรือเป็นเงินทุนหมุนเวียน

อันดับเครดิตองค์กรครอบคลุมการปรับเพิ่มขึ้นมา 3 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัท (Stand-alone Credit Profile -- SACP) เพื่อสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ (Strategically Important) ของ Frasers Property Ltd. (FPL) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ‘AA-/Negative’ จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

ทริสเรทติ้ง มีมุมมองว่า บริษัทจะยังคงสถานะการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ FPL และทำหน้าที่ลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยของ FPL ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทมีสัดส่วนประมาณ 16% ของ EBITDA ทั้งหมดของ FPL 

SACP ที่ระดับ ‘bbb’ ของบริษัทสะท้อนถึงธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเพื่อเช่าที่แข็งแรง การยอมรับในแบรนด์สินค้าบ้านจัดสรรที่เติบโตขึ้น และภาระหนี้ในระดับสูง อีกทั้ง อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังพิจารณาถึงความกังวลเกี่ยวกับหนี้ครัวเรือนในระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้การดำเนินธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมีความท้าทาย

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีความหลากหลาย

ในมุมมองของทริสเรทติ้ง ความหลากหลายของธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัท การซื้อกิจการของ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ในปี 2562 ช่วยทำให้ธุรกิจของบริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น

โดยขยายไปยังธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ประเภทให้เช่า และธุรกิจโรงแรม ซึ่งก่อนการซื้อกิจการดังกล่าว ธุรกิจของบริษัทมีเพียงอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้เช่าเท่านั้น

ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.5-1.8 หมื่นล้านบาทในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานคาดว่า จะทรงตัวในปีการเงิน 2565 อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในธุรกิจของบริษัทคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของรายได้ในช่วงปีการเงิน 2566-2567

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักด้วยสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมในอีก 3 ปีข้างหน้า ส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าและอาคารสำนักงานให้เช่าและธุรกิจโรงแรมจะมีสัดส่วนประมาณ 12% และ 6% ตามลำดับ

ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทจะอยู่ในระดับสูงกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ในระดับสูงกว่า 10% ในช่วงปีประมานการ

 

รายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายได้รับแรงกดดันจากสภาวะการดำเนินงานที่ท้าทาย

ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนในระดับสูงและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการและต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการเพิ่มสูงขึ้น

ในขณะเดียวกัน ก็บั่นทอนกำลังซื้อของผู้ต้องการซื้อบ้านลง ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายของบริษัทจะทรงตัวในปีการเงิน 2565 และจะปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ 6%-10% ต่อปีในอีก 2 ปีต่อมาด้วยรายได้ที่ระดับ 1.1-1.3 หมื่นล้านบาท

สำหรับ ปีการเงิน 2565-2567 ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า บริษัทจะเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 1.7-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมียอดขายรอการส่งมอบที่ระดับ 1.9 พันล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทจะรับรู้จำนวนทั้งหมดเป็นรายได้ในปีการเงิน 2565

ทริสเรทติ้ง ยังคาดอีกว่า อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับประมาณ 31%-32% จากระดับต่ำกว่า 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าจะยังคงแข็งแรง

ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าอย่างต่อเนื่องในอีก 3 ปีข้างหน้า ประมาณการกรณีพื้นฐานของ

ทริสเรทติ้ง ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า บริษัทจะก่อสร้างพื้นที่ให้เช่า 150,000-250,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ต่อปีในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยประมาณ 90% ของพื้นที่ให้เช่าใหม่ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นคลังสินค้าสั่งสร้าง ทริสเรทติ้ง คาดว่า พื้นที่ให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.2-1.4 ล้านตร.ม.

ในอีก 3 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากประมาณ 1 ล้านตร.ม. ในช่วงปีการเงิน 2562-2563 โดยคาดว่าบริษัทจะลดจำนวนพื้นที่เช่าที่ขายให้แก่ให้แก่ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมเฟรเซอร์สพร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT) ลงในช่วงปีประมาณการ

ดังนั้น มูลค่าขายพื้นที่ให้เช่าดังกล่าวคาดว่า จะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.0-1.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 ลดลงจากระดับประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีการเงิน 2562-2563

ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตราการเช่าคลังสินค้าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 80%-85% ด้วยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 140,000-240,000 ตร.ม. ในช่วงปีการเงิน 2565-2567 การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจคลังสินค้าให้เช่าจากทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ในตลาดจะยังคงเป็นปัจจัยท้าทายท่ามกลางอุปสงค์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน

อัตราการเช่าของอาคารโรงงานคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60%-70% ในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วยพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 20,000-40,000 ตร.ม. ทั้งนี้ ธุรกิจอาคารโรงงานให้เช่าคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากการย้ายฐานการผลิตจากปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์

ทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้ค่าเช่าจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 1.7-2.1 พันล้านบาทต่อปี ในช่วงปีการเงิน 2565-2567 โดยสัดส่วนรายได้จากคลังสินค้าให้เช่าคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 80% ของรายได้รวมจากการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมในช่วงปีประมาณการ

 

ธุรกิจโรงแรมจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและความต้องการอาคารสำนักงานให้เช่าอาจหดตัวลง

ทริสเรทติ้ง คาดว่า ธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ห้องพักโรงแรมและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางทั่วโลก ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 รายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 216 ล้านบาทจาก 119 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตราการเข้าพักของโรงแรมแต่ละแห่งของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีก 3 ปีข้างหน้าและกลับคืนสู่ระดับในช่วงก่อนเกิดภาวะโรคระบาดภายในปีการเงิน 2568 และทริสเรทติ้ง คาดว่า ค่าเช่าห้องโดยเฉลี่ยของแต่ละโรงแรมของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงปีการเงิน 2562

โดยยังคงอยู่ที่ประมาณ 20%-30% ในอีก 2 ปีข้างหน้า แต่จะฟื้นตัวกลับสู่ระดับปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายในปีการเงิน 2568 ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากธุรกิจโรงแรมของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 300-400 ล้านบาทต่อปีสำหรับช่วงปีการเงิน 2565-2567 ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะกลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดภาวะโรคระบาดภายในปีการเงิน 2568

ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าของบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบในระดับหนึ่งจากอุปสงค์ของพื้นที่สำนักงานที่ฝืดตัวจากรูปแบบการทำงานแบบผสมผสานระหว่างการทำงานจากสำนักงานและจากภายนอกสำนักงาน (Hybrid Working Model)

นอกจากนี้ อุปทานที่คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2566-2567 อาจส่งแรงกดดันต่ออัตราค่าเช่าสำนักงาน ทริสเรทติ้งคาดว่า อัตราค่าเช่าสำนักงานของอาคาร เอฟ วาย ไอ เซ็นเตอร์ จะทรงตัวในขณะที่อัตราการเช่าอาจปรับตัวลดลงแต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 90%

สำหรับ ช่วงปีประมาณการ รายได้ค่าเช่าจากอาคาร สีลม เอดจ์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าแห่งใหม่ของบริษัทคาดว่าจะช่วยสนับสนุนฐานรายได้ค่าเช่าของบริษัทและมาทดแทนอาคารโกลเด้น แลนด์ บิลดิ้ง ที่สัญญาเช่าได้สิ้นสุดไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2565

ทั้งนี้ ประมาณการกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่า รายได้จากอาคารสำนักงานให้เช่าของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 500-600 ล้านบาทต่อปีในช่วงปีการเงิน 2565-2567

 

ภาระหนี้ในระดับสูง

ทริสเรทติ้ง คาดว่า ภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากคาดว่าบริษัทจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและผลการดำเนินการจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงิน (รวมการค้ำประกันในภาระหนี้ของบริษัทร่วมค้า) ต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับประมาณ 60%

โดยทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทจะทรงตัวอยู่ที่ระดับนี้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และมูลค่าการขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ที่เป็นแหล่งเงินทุนคาดว่าจะลดลงอีกด้วย ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10-11 เท่าในช่วงปีการเงิน 2565-2567

และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัท คาดว่า จะอยู่ที่ระดับประมาณ 6% ในช่วงปีประมานการ โดยตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า เงินลงทุนในธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.8-1 หมื่นล้านบาทต่อปี ในขณะที่เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมให้เช่าคาดว่า จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2.5-3.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีประมาณการ

ตามเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้ที่กำหนดให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย (ไม่รวมหนี้สินตามสัญญาเช่า) ต่อทุนอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3 เท่านั้น ณ เดือนมิถุนายน 2565 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1.4 เท่า ทริสเรทติ้งเชื่อว่า บริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมที่ระดับ 30% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2022

 

สภาพคล่องเพียงพอ

ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอในอีก 12 เดือนข้างหน้า ณ เดือนมิถุนายน 2565 บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 2.13 หมื่นล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 1.13 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 8.6 พันล้านบาท เงินกู้ระยะยาวโครงการจำนวน 1.2 พันล้านบาท และหนี้สินตามสัญญาเช่าจำนวน 0.2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบไปด้วยเงินสดในมือจำนวน 1 พันล้านบาท วงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่สามารถยกเลิกได้จำนวน 5.4 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้และสามารถยกเลิกได้จำนวน 3.3 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่าที่ปลอดภาระค้ำประกันมูลค่าตามบัญชีจำนวน 1.16 หมื่นล้านบาท และสินค้าที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จเหลือขายในโครงการที่ปลอดภาระหนี้ของบริษัทซึ่งมีมูลค่าขายอีกจำนวน 3.5 พันล้านบาท อีกทั้งยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ 3.1-3.5 พันล้านบาทต่อปีอีกด้วย

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีการเงิน 2565-2567 มีดังนี้

  • บริษัทจะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มูลค่า 7-2.2 หมื่นล้านบาทต่อปี
  • งบประมาณในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-5 พันล้านบาท
  • เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5-3.5 พันล้านบาทต่อปี
  • เงินลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์คาดว่าจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาทการเงิน 2565 และที่ระดับประมาณ 200 ล้านบาทในปีการเงิน 2566
  • รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะอยู่ในช่วง 5-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี
  • EBITDA Margin จะสูงเกินกว่า 30% และอัตรากำไรสุทธิจะสูงเกินกว่า 10%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดและผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย อีกทั้ง ยังคาดว่า บริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้สูงเกินกว่า 5% นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังคาดว่า บริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของ FPL ต่อไปด้วย

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของบริษัทอาจเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าการคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญและ/หรือสถานะทางการเงินปรับตัวดีขึ้นด้วยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินที่ระดับประมาณ 10%

อย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 5% ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งจากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงหรือจากการที่บริษัทขยายธุรกิจเชิงรุก

โดยใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับ FPL ที่เปลี่ยนแปลงไปก็อาจจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้เช่นกัน 

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 28 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

 

 

บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (FPT)

อันดับเครดิตองค์กร:

A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

 

TICON233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

TICON235A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

TICON238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

TICON283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571

A

FPT231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

FPT237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

FPT242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A

FPT251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A

FPT256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A

FPT271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A

FPT275A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A

FPT276A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A

FPT292A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572

A

FPT301A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573

A

FPT305A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573

A

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี

A

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

     © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

    ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!