WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 14ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.อมตะ คอร์ปอเรชัน”ที่ ‘A-‘แนวโน้ม ‘Stable’

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’

       อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในฐานะหนึ่งในผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตลอดจนฐานรายได้ประจำจำนวนมากจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและเงินปันผลรับจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง

        อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนโดยความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ตลอดจนความเสี่ยงของประเทศและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทในต่างประเทศ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังคงพิจารณาถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เปราะบางจากผลกระทบของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19)

 

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

คาดว่ายอดขายที่ดินจะฟื้นตัวดีขึ้น

ทริสเรทติ้ง คาดว่า ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทจะฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่อยู่ในระดับสูงและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังการระบาดของโรคโควิด 19 โดยสมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า บริษัทจะมียอดขายที่ดินในไทยที่ระดับประมาณ 550 ไร่ในปี 2565 และจะปรับเพิ่มขึ้นเข้าใกล้ช่วงก่อนเกิดโรคโควิด 19 ที่ระดับ 650 ไร่ในปี 2566-2567 รายได้จากการโอนที่ดินในประเทศไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.3-2.8 พันล้านบาทต่อปีในปี 2565-2567

ในช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของโรคโควิด 19 ยอดขายที่ดินของบริษัทลดลงอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 213 ไร่ ในปี 2563 และ 540 ไร่ในปี 2564 เทียบกับระดับ 600-800 ไร่ในปี 2561-2562

แม้ว่า บริษัทจะยังเผชิญกับความท้าทายหลากหลายประการ ทั้งจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ทริสเรทติ้ง ก็คาดว่า ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2565 จากการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางทั่วโลก และกิจกรรมการลงทุนที่กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ

ทริสเรทติ้ง ยังคงมีมุมมองว่า บริษัทจะยังคงได้รับประโยชน์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจากการที่บริษัทมีที่ดินจำนวนมากถึงประมาณ 12,000 ไร่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง และคาดว่าความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากความต้องการในการย้ายฐานการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากความตึงเครียดของสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน

และผลกระทบจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ทริสเรทติ้ง เชื่อว่า กลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (S-Curve Industry) และการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่เป็น Smart City ร่วมกับพันธมิตรจากหลายประเทศน่าจะช่วยให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในระยะยาว

 

รายได้จากประเทศเวียดนามจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น

จากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่พร้อมขายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของบริษัท ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศเวียดนาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากผลการดำเนินงานในประเทศเวียดนามจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป

ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่ดินในเวียดนามจำนวน 0-40 ไร่ต่อปีในปี 2561-2563 เทียบกับระดับ 220 ไร่ในปี 2560 ยอดขายที่ลดลงเนื่องมาจากบริษัทได้ขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกหมด กอปรกับความล่าช้าของการได้รับใบอนุญาตในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่

อย่างไรก็ตาม เริ่มมีสัญญาณความคืบหน้าของโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง ที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนาม โดยบริษัทมียอดขายที่ดิน 322 ไร่ และรับรู้รายได้จำนวน 1.1 พันล้านบาทในปี 2564 นอกจากนี้ โครงการอมตะซิตี้ ลองถั่น ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างการประเมินค่าใช้จ่ายและทำสัญญาเช่าที่ดินกับภาครัฐ บริษัทคาดว่าจะโอนที่ดินและรับรู้รายได้จากนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ได้ในปี 2566

ทริสเรทติ้ง มีมุมมองที่ดีเพิ่มขึ้นต่อนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนามจากการที่ได้ประโยชน์จากการมีต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ และมีทำเลที่ตั้งใกล้ประเทศจีน ตลอดจนสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับหลายประเทศ

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีลูกค้าที่มีศักยภาพจำนวนมาก แต่ไม่สามารถขายที่ดินได้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและความล่าช้าของขั้นตอนการได้รับใบอนุญาต ทริสเรทติ้งคาดว่าในช่วงประมาณการ บริษัทจะมีรายได้หลักจากการดำเนินงานในประเทศเวียดนามจากโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง และโครงการอมตะซิตี้ ลองถั่น

ในขณะที่โครงการอื่นๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการขอใบอนุญาตการลงทุน ซึ่งต้องใช้เวลานานและมีความไม่แน่นอน ทริสเรทติ้งประมาณการว่ายอดขายที่ดินในประเทศเวียดนามจะอยู่ที่ระดับปีละ 300-500 ไร่ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า และรายได้จากการโอนที่ดินจะอยู่ที่ระดับ 0.8-3.4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงเวลาเดียวกัน

 

ฐานรายได้ประจำช่วยลดผลกระทบในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้บางส่วน

สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รายได้ดังกล่าวมีความแน่นอนสูงและช่วยลดความผันผวนของยอดขายที่ดินได้บางส่วน ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคของบริษัทครอบคลุมไปถึงการให้บริการน้ำดิบ น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม และบริการบำบัดน้ำเสีย

บริษัทมีรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.0 พันล้านบาท หรือ 39% ของรายได้รวมในปี 2564 จาก 1.3 พันล้านบาท หรือ 17% ของรายได้รวมในปี 2556 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณลูกค้าและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท

ทริสเรทติ้ง ยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มของธุรกิจสาธาณูปโภค และคาดว่ารายได้จากธุรกิจนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับที่สูงกว่า 2.2 พันล้านบาทในปี 2567

 

เงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้าช่วยเพิ่มกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอแก่บริษัท

บริษัทได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งร่วมกับ บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด ปัจจุบันกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 260 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นผ่านกิจการร่วมทุนในสัดส่วน 4.0% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า 2 แห่งในจังหวัดชลบุรีด้วย ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าประมาณ 0.3-0.4 พันล้านบาทต่อปี

 

อัตราส่วนภาระหนี้สินที่ดีขึ้น

จากการเพิ่มทุนและขายหุ้นบางส่วนของบริษัทย่อยในต่างประเทศ ส่งผลให้หนี้สินทางการเงินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2565 จากระดับ 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 2563 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนลดลงอยู่ที่ 36.0% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 จากระดับ 43.2% ในปี 2563 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทก็ลดลงมาอยู่ที่ 4.3 เท่าในปี 2564 และ 3.3 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2565 จาก 6.4 เท่าในปี 2563

ในอนาคตข้างหน้า บริษัทมีแผนการลงทุนจำนวนมากทั้งจากการซื้อที่ดินและพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ตลอดจนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่หลายแห่งในประเทศเวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) แม้ว่าจะมีการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทจะอยู่ในระดับปานกลางในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการขายสินทรัพย์บางรายการเพื่อรักษาระดับหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ทริสเรทติ้งคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ 3.3-3.8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 3.7-5.3 เท่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ 37%-43% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนจำนวน 6.6 พันล้านบาทจากหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งหมดจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท หนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนส่วนใหญ่เป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทย่อย ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับการชำระคืนก่อนเทียบกับหนี้สินรวมในระดับต่ำกว่า 50% ทำให้ทริสเรทติ้งมองว่าเจ้าหนี้ของบริษัทที่ไม่มีหลักประกัน ไม่ได้มีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีสิทธิ์สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

 

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้

ทริสเรทติ้ง ประเมินสภาพคล่องของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2565 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 3 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 2.6 พันล้านบาท

บริษัทมีวงเงินกู้ระยะสั้นจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 3 พันล้านบาทและวงเงินกู้ระยะยาวสำหรับโครงการที่ยังไม่ได้เบิกอีกหลายวงเงิน ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนขางหน้าเท่ากับ 3.8 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายลงทุนประมาณ 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง มองว่า บริษัทจะสามารถรักษาสภาพคล่องไว้ได้ในช่วงที่ผลประกอบการอ่อนแอลงจนกระทั่งมีการฟื้นตัวอย่างมั่นคงในอนาคต

 

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 17% มาอยู่ที่ระดับ 6.1 พันล้านบาทในปี 2565 และจะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 3-9.4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567
  • อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ 62% ในปี 2565 จากกำไรพิเศษของการขายสินทรัพย์ให้เช่า และอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 41%-46% ในช่วงปี 2566-2567
  • ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 4-8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2567

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ทั้งนี้ คาดว่า รายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รวมทั้งเงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้ค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทได้บางส่วนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

 

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากภาระหนี้ของบริษัทลดลง จนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีฐานรายได้จากประเทศเวียดนาม และ/หรือประทศอื่นเพิ่มขึ้น ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลง หากบริษัทมีภาระหนี้เพิ่มขึ้นจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน

 

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564


บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA)

อันดับเครดิตองค์กร:

A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

 

AMATA22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A-

AMATA23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A-

AMATA24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A-

AMATA258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A-

AMATA25OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A-

AMATA27OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570

A-

AMATA288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571

A-

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

      © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

     ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

 Click Donate Support Web  

 

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!