- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 03 July 2022 22:24
- Hits: 1792
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์’ ที่ ‘BBB+’ หุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 70% ที่ ‘A’ และหุ้นกู้มีการค้ำประกัน 85% ที่ ‘A+’แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทที่ระดับ ‘BBB+’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ’คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 70% ของบริษัทที่ระดับ’A’ และหุ้นกู้มีการค้ำประกันในสัดส่วน 85% ที่ระดับ ‘A+’ ด้วย
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันบางส่วนจาก Credit Guarantee and Investment Facility (CGIF) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ ‘AAA’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’ หรือ ‘คงที่’ จากทริสเรทติ้ง
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดของบริษัท ในฐานะเป็นผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG (Liquefied Petroleum Gas) รายใหญ่เป็นอันดับสองในประเทศไทย
ตลอดจนการมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุม และฐานลูกค้าที่กระจายในหลายภูมิภาค อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนจากความอ่อนไหวของธุรกิจต่อความผันผวนของราคา LPG ในตลาดต่างประเทศรวมถึงแนวโน้มภาระหนี้สินของบริษัทที่จะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการลงทุนในโครงการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG (Liquefied Natural Gas)
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นผู้ค้า LPG รายใหญ่อันดับสอง
บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยยังคงเป็นผู้ค้า LPG รายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 22% ในปี 2564 คู่แข่งที่สำคัญของบริษัทได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ระดับ 42% และ 19% ตามลำดับ
ถึงแม้บริษัทจะมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง แต่ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทนั้นก็ลดลงอย่างต่อเนื่องจากประมาณ 24%-25% ตั้งแต่ปี 2561 จากผลของการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาในตลาด
ความสามารถในการแข่งขันของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากชื่อเสียงตราสินค้าที่แข็งแกร่ง ตลอดจนประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด และการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศของบริษัทเป็นหลัก ทริสเรทติ้งมองว่าการค้า LPG ภายในประเทศของบริษัทถือเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่มั่นคงเนื่องจากราคา LPG ในประเทศไทยถูกควบคุมและได้รับการอุดหนุนบางส่วนจากรัฐบาล
มีเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมกว้างขวาง
เครือข่ายกระจายสินค้าของบริษัทเป็นจุดแข็งที่ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ สำหรับ สินทรัพย์ด้านโลจิสติกส์ในประเทศไทยนั้น บริษัทมีคลังเก็บ LPG ขนาดใหญ่จำนวน 9 แห่ง มีโรงบรรจุก๊าซและสถานีบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงมีรถและเรือขนส่ง LPG จำนวนมาก โดยสินทรัพย์หลักเหล่านี้ช่วยทำให้บริษัทมีต้นทุนการขนส่งที่แข่งขันได้ รวมถึงมีความสามารถในการจำหน่ายสินค้าได้ทั่วประเทศ และมีระบบป้อนสินค้าที่มีเสถียรภาพ
จากแนวโน้มตลาด LPG ภายในประเทศที่อ่อนแอลง บริษัทจึงได้มุ่งเน้นไปที่การค้าในต่างประเทศเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับการดำเนินงานในต่างประเทศนั้น บริษัทเป็นเจ้าของคลังเก็บ LPG ขนาดใหญ่จำนวน 2 แห่งในประเทศจีนซึ่งมีความจุรวมถึง 300,000 ตัน คลังเก็บ LPGลอยน้ำในประเทศสิงคโปร์ซึ่งสามารถบรรจุก๊าซได้ 45,000 ตัน รวมถึงกองเรือที่คอยสนับสนุนการขนส่ง LPG โดยสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจและทำให้บริษัทสามารถค้าขาย LPG ได้ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ฐานลูกค้ามีการกระจายตัวมากยิ่งขึ้น
บริษัทประสบความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้าในหลายประเทศ โดยประเทศจีนนั้นยังเป็นตลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญซึ่งมีสัดส่วนของยอดขายคิดเป็นประมาณ 27% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัทในปี 2564 ในขณะเดียวกัน การค้า LPG ในตลาดนอกชายฝั่งของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนของยอดขายในหลาย ๆ ประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยมีสัดส่วน 43% ของยอดขายรวมในปี 2564 ในขณะที่ยอดขายในประเทศไทยลดลงเหลือ 23%
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า ฐานลูกค้าของบริษัทจะมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์มากยิ่งขึ้นหลังจากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการขยายตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง เช่น อินเดียและบังคลาเทศ ในการนี้ บริษัทมีแผนจะสร้างคลังเก็บ LPG ลอยน้ำในประเทศอินเดีย 1 แห่งเพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายในภูมิภาคเอเชียใต้
กำไรมีความผันผวนจากราคา LPG ที่แปรปรวน
ความเสี่ยงด้านราคาในกิจการที่บริษัทดำเนินในตลาดต่างประเทศยังคงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญต่ออันดับเครดิต โดยผลกำไรของบริษัทอาจผันผวนเป็นอย่างมากในแต่ละไตรมาสตามความผันผวนของราคา LPG ทั้งนี้ การลดลงอย่างกระทันหันของราคา LPG อาจทำให้บริษัทเกิดการขาดทุนสต๊อกสินค้าจำนวนมากซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทได้
ทริสเรทติ้ง คาดว่า ความเสี่ยงด้านราคาของบริษัทนั้นจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อพิจารณาจากการมุ่งเน้นการเติบโตในต่างประเทศ โดยยอดขายจากกิจการในต่างประเทศของบริษัทคิดเป็น 77% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2564 ซึ่งค่อย ๆ เพิ่มขึ้นจาก 68% ในปี 2560 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงด้านราคาดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วนด้วยรายได้ที่มีเสถียรภาพมากกว่าจากธุรกิจการค้า LPG ภายในประเทศและธุรกิจที่ไม่ใช่ LPG เช่น การค้าเคมีภัณฑ์ โรงไฟฟ้า การให้เช่าถังเก็บน้ำมัน และการค้าส่งน้ำมัน
ยอดขายเริ่มฟื้นตัวหลังวิกฤตการณ์โรคโควิด 19
โดยรวมแล้วยอดขายของบริษัทกำลังเริ่มฟื้นตัวหลังจากที่ถดถอยอย่างรุนแรงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกของปี 2565 ยอดขาย LPG ของบริษัทมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 0.924 ล้านตันซึ่งปรับตัวดีขึ้นถึง 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
นอกจากนี้ อุปสงค์ที่ฟื้นตัวในตลาดจีนและการขยายการซื้อขาย LPG นอกชายฝั่งอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลทำให้ยอดขายของบริษัทในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 0.725 ล้านตันซึ่งเป็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งถึง 23.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจในตลาดภายในประเทศของบริษัทนั้นฟื้นตัวช้ากว่าคู่แข่งอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงของตลาด LPG ในกลุ่มหุงต้มและยานยนต์ โดยในไตรมาสแรกของปี 2565 ยอดขายในประเทศของบริษัททรงตัวอยู่ที่ 0.199 ล้านตัน ในขณะที่ตลาดโดยรวมเติบโตที่ระดับ 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
ผลกำไรดีกว่าปกติจากทิศทางขาขึ้นที่ต่อเนื่องของราคา LPG
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัททำสถิติสูงสุดที่จำนวน 6.38 พันล้านบาทในปี 2564 จากการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคา LPG โดยราคา LPG ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นเป็น 795 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในเดือนธันวาคม 2564 จาก 550 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในเดือนมกราคม 2564 ราคา LPG ยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 895 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันในเดือนมีนาคม 2565
ด้วยเหตุนี้ ผลกำไรของบริษัทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 จึงยังคงแข็งแกร่งโดยมี EBITDA อยู่ที่ 1.67 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับ EBITDA เฉลี่ยที่ประมาณ 1 พันล้านบาทต่อไตรมาส ผลกำไรที่ดีอย่างมากช่วยสนับสนุนความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทลดลงเหลือ 2.4 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32% ในไตรมาสแรกของปี 2565
EBITDA คาดว่าจะกลับสู่ระดับปกติ
เมื่อมองไปข้างหน้า ทริสเรทติ้ง คาดว่า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจะกลับคืนสู่ระดับปกติ โดยมีสมมติฐานว่าราคา LPG จะยังคงอยู่ในระดับสูงไปจนถึงช่วงปลายปี 2565 ก่อนที่จะลดลงในช่วงปี 2566-2567 จากความคาดหวังว่าภาวะอุปทานที่ขาดแคลนนั้นน่าจะเริ่มคลี่คลายลง สำหรับยอดขายนั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการค้าในตลาดต่างประเทศเพื่อชดเชยกับยอดขายภายในประเทศที่ซบเซา
ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ายอดขายรวมของบริษัทจะกลับไปอยู่ที่ระดับ 3.6 ล้านตันในปี 2565 และจะเติบโตราว 2% ต่อปีในระหว่างปี 2566-2567 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า EBITDA ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 5.3-5.5 พันล้านบาทในปี 2565 และหลังจากนั้นจะกลับคืนสู่ระดับปกติที่ 3.4-3.7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2567
ภาระหนี้สินจะสูงขึ้น
ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้สินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นจากการลงทุนในการก่อสร้างสาธารณูปโภคสำหรับรองรับ LNG โดยบริษัทวางแผนจะนำเข้าและจำหน่าย LNG ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่สะอาดกว่าโดยบริษัทจะใช้รถบรรทุกในการขนส่ง LNG ทั้งนี้ เงินลงทุนสำหรับการก่อสร้างทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาทตลอดระยะเวลาประมาณ 3 ปี
ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะใช้การก่อหนี้ในการลงทุนโครงการดังกล่าวเป็นหลักและคาดว่าบริษัทจะเริ่มการก่อสร้างโครงการในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับ 5 เท่าในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินอาจลดลงต่ำกว่า 15% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ดังกล่าวน่าจะลดลงเมื่อบริษัทเริ่มสร้างรายได้จากโครงการนำเข้าและจำหน่าย LNG ดังกล่าว
นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังเชื่อว่าฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นจะช่วยสนับสนุนการลงทุนซึ่งจะทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าบริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการเนื่องจากบริษัทยังไม่มีประวัติผลงานในธุรกิจดังกล่าว รวมถึงความไม่แน่นอนหลายประการในเรื่องขอบเขตของตลาดเป้าหมาย และระดับของการแข่งขันหลังจากการเปิดเสรีตลาด LNG ในประเทศไทย
สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า บริษัทยังคงมีแหล่งเงินทุนเพียงพอที่จะครอบคลุมการใช้เงินทุนในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยแหล่งเงินทุนของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 เงินทุนจากการดำเนินงานซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท และวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้มูลค่าอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ในขณะที่การใช้เงินทุนประกอบด้วยการชำระคืนหนี้เงินกู้ระยะยาวและภาระค่าเช่าที่จะครบกำหนดรวมจำนวน 0.64 พันล้านบาท การไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดจำนวน 2 พันล้านบาท เงินลงทุนที่ประมาณ 1.5-2 พันล้านบาท และเงินปันผลซึ่งคาดว่าจะจ่ายที่ประมาณ 2 พันล้านบาท
โครงสร้างหนี้
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 บริษัทมีภาระหนี้สินจำนวน 1.66 หมื่นล้านบาทซึ่งรวมถึงหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจำนวนประมาณ 3.9 พันล้านบาท ดังนั้น อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้ชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดของบริษัทจึงอยู่ที่ระดับประมาณ 24%
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
- ยอดขายจะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 3.6 ล้านตันในปี 2565 และจะเพิ่มขึ้น 2% ต่อปีในช่วงปี 2566-2567
- รายได้จะอยู่ที่จำนวนทั้งสิ้น 1.10 แสนล้านบาทในปี 2565 และจะลดลงเหลือ 1 แสนล้านบาทในปี 2566 และ 8 หมื่นล้านบาทในปี 2567
- EBITDA Margin จะอยู่ที่ระดับประมาณ 3.5%-5.0%
- เงินลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ 2 พันล้านบาทในปี 2565 และประมาณปีละ 3.2-3.6 พันล้านบาทในระหว่างปี 2566-2567
- อัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ระดับ 50% ของกำไรสุทธิ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้จัดจำหน่าย LPG รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทยเอาไว้ได้ โดยกระแสเงินสดที่มั่นคงยิ่งขึ้นจากการดำเนินงานภายในประเทศจะยังคงช่วยลดความผันผวนของผลการดำเนินงานในต่างประเทศต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าธุรกิจค้าก๊าซในตลาดต่างประเทศจะยังคงทำกำไรได้แม้ว่าบริษัทจะเผชิญกับความเสี่ยงด้านราคาที่ไม่แน่นอนก็ตาม
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้นนั้นยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นอันเนื่องมาจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการนำเข้า LNG ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทนั้นด้อยลงอย่างมากเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเกิดได้จากภาระหนี้สินต่อ EBITDA อยู่สูงกว่า 5-6 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อภาระหนี้สินต่ำกว่า 10% อย่างยาวนาน
อันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทสะท้อนคุณภาพเครดิตของทั้งผู้ออกหุ้นกู้และผู้ค้ำประกันคือ CGIF ซึ่งอันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในกรณีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านคุณภาพเครดิตของบริษัทหรือของผู้ค้ำประกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562
บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) (SGP)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB+ |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
SGP232A: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (85%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
A+ |
SGP23DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วน (70%) 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
A |
SGP241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
SGP262A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
BBB+ |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
© บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html