- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Tuesday, 01 February 2022 22:59
- Hits: 4495
PROEN ฤกษ์ดีรับปีขาล! ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคาร IDC แห่งใหม่
เพิ่มพื้นที่ให้บริการ 10,000 ตร.ม. รองรับเครื่อง Server 1,000 Rack
สร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 360 ลบ.ต่อปี หนุนอนาคตโตก้าวกระโดด
บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) ได้ฤกษ์ดีปีเสือทองทำพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารศูนย์ข้อมูลดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ ชื่ออาคาร PROEN IDC ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ สามารถเพิ่มพื้นที่ให้บริการได้มากกว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถรองรับเครื่อง Server ไม่น้อยกว่า 1,000 Rack ฟากซีอีโอ ‘กิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม’ ระบุว่า อาคารดังกล่าวคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565 หรือไม่เกินไตรมาส 1/2566 สร้างรายได้ประจำเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 360 ล้านบาทต่อปี หนุนการเติบโตก้าวกระโดด และสร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) PROEN เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2565 บริษัทฯ ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เพื่อก่อสร้างอาคาร PROEN IDC (Internet Data Center) ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 - ศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ โดยมีดร.สาธิต พุทธชัยยงศ์ ประธานกรรมการ และกรรมการตรวจสอบ เป็นประธานในพิธีในครั้งนี้ สำหรับอาคารดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่นี้ จะมีพื้นที่โดยรวมประมาณ 10,000 ตารางเมตร ซึ่งมีศักยภาพในการให้บริการรองรับเครื่อง Server (Rack) ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 Rack และคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 2565 หรือไม่เกินไตรมาส 1 ของปี 2566
“อาคารดังกล่าวจะเป็นอาคารที่เน้นการออกแบบให้คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน และความเหมาะสมทางกายภาพ สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในการให้บริการเพื่อรองรับการเติบโตของเทคโนโลยี และเมื่ออาคารดังกล่าวเปิดใช้งานเต็มตามความสามารถแล้วคาดว่าจะสร้างรายได้กลับคืนให้บริษัทฯ ไม่น้อยกว่า 360 ล้านบาทต่อปี และจะเป็นฐานในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาวที่มีลักษณะเป็นรายได้ประจำ หรือ Recurring Income สนับสนุนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาพรวมอุตสาหกรรม Data center ของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าเฉลี่ยการเติบโตประมาณ 20% ต่อปี ซึ่งในช่วงปี 2565 น่าจะมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตระดับ 24% โดยจะมาจากการเติบโตของ public cloud เป็นหลัก เนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถประหยัดงบลงทุนในส่วนของอุปกรณ์ไอที และยังมีความยืดหยุ่นในการขยายหรือลดการใช้งานได้มากกว่าแบบ colocation หรือ private cloud อีกด้วย
A2013