WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 1ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ‘บ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น’ ที่ ‘BBB’ แนวโน้ม ‘Stable’

    ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงจากโรงไฟฟ้าของบริษัทที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว ความเสี่ยงในการดำเนินงานที่ต่ำ และผลการดำเนินงานที่น่าพอใจของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกดึงรั้งจากความท้าทายที่สูงขึ้นของอุตสาหกรรมไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งแรกของบริษัท และระดับหนี้สินที่สูง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีสัดส่วนมากที่สุด

         โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยังคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดในการลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทแม้ว่าบริษัทจะขยายไปยังโรงไฟฟ้าพลังงานลมและชีวมวล ในเดือนกรกฎาคม 2564 บริษัทได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 26 เมกะวัตต์ ในเมืองชิสึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าของบริษัทดำเนินการภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวซึ่งส่วนใหญ่เป็นสัญญาที่ทำไว้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งผู้รับซื้อไฟฟ้าที่น่าเชื่อถือหลายรายในประเทศญี่ปุ่น และการไฟฟ้าเวียดนาม (Vietnam Electricity -- EVN) โดยสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวเป็นแบบ Non-firm (สัญญาที่ผู้ผลิตไม่มีข้อผูกมัดเกี่ยวกับการสั่งเดินเครื่อง และจะได้รับเฉพาะค่าพลังงานไฟฟ้า) กระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนใหญ่มักจะคาดการณ์ได้จากการมีอัตราค่าไฟฟ้าที่แน่นอนและความเสี่ยงในการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่ต่ำ

โรงไฟฟ้ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ

         โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนใหญ่ของบริษัทสามารถผลิตไฟฟ้าต่อปีได้เกินระดับ P50 (ความน่าจะเป็น 50% ของการผลิตพลังงาน) ซึ่งเป็นเกณฑ์ของการดำเนินงานที่คาดไว้ บริษัทขายไฟฟ้าจำนวน 254 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 190 กิกะวัตต์ชั่วโมงในปี 2562 โดยเพิ่มขึ้นมาจากการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามและมองโกเลีย โดยผลผลิตไฟฟ้าที่ขายนั้นมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในต่างประเทศเกือบร้อยละ 60 ในปี 2563

         ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจาก 0.9 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2563 การเพิ่มขึ้นของรายได้ 16% เป็นผลของการเปิดดำเนินงานของโครงการยามากะ (โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินงานในเดือนกรกฎาคม 2563) โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 742 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ผลกำไรมีแนวโน้มสูงขึ้น

         ปัจจุบัน บริษัทยังคงมีโครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 แห่งในประเทศญี่ปุ่น (22 MW) โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในประเทศเวียดนาม (48 MW) และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาในประเทศอินโดนีเซีย

         นอกจากโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาแล้ว บริษัทยังใช้เงินอีกจำนวน 500 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้น 100% ในบริษัท Uni Power Tech Co., Ltd. (UPT) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าชีวมวล (9.9 MW) ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่า UPT จะเพิ่มรายได้ให้บริษัทประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี

         โดยรวมแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่ากำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 329 เมกะวัตต์ภายในปี 2567 โดยมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 271 เมกะวัตต์ จากประมาณการกรณีฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะสามารถพัฒนาโครงการต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้นได้ตามที่วางแผนไว้ โดยรายได้ต่อปีจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.1 พันล้านบาทในปี 2564 และค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็น 3.0 พันล้านบาทในปี 2567 และคาดว่า EBITDA ของบริษัทจะสูงเกิน 2 พันล้านบาทต่อปีตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.6 พันล้านบาทในปี 2563

สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความท้าทายมากขึ้น

         ทริสเรทติ้ง ยังคงมีความเห็นว่าอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนกำลังเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ท้าทายมากขึ้น โอกาสการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทยเริ่มมีความน่าสนใจน้อยลงถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่นที่จะลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างหนักก็ตาม แม้ว่าพลังงานหมุนเวียนมีศักยภาพที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไปแต่บริษัทพลังงานหมุนเวียนของไทยก็หันไปลงทุนนอกประเทศไทย เป็นผลจากอัตราค่าไฟฟ้าที่จูงใจน้อยลง การแข่งขันที่รุนแรง โครงการภาครัฐที่ยังคงล่าช้า และผลตอบแทนจากการลงทุนที่ลดลง

         ด้วยโอกาสที่ขาดแคลนภายในประเทศ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเติบโตในอนาคตจากการลงทุนในต่างประเทศ ปัจจุบัน เงินลงทุนในโรงไฟฟ้าของบริษัทในมองโกเลีย เวียดนาม และอินโดนีเซียจะคิดเป็นสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของสินทรัพย์ที่ผลิตไฟฟ้าของบริษัทภายในปี 2564 ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการลงทุนในประเทศเหล่านี้มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงกว่าโครงการในประเทศไทยและญี่ปุ่น ความเสี่ยงที่สูงขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับความสอดคล้องของกฎระเบียบ ความยากในการบังคับใช้สัญญา แนวโน้มของความล่าช้าในการได้รับการอนุมัติใบอนุญาตที่จำเป็น และข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ บริษัทยังมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและความเสี่ยงจากการชำระเงินจากผู้ซื้อไฟฟ้าที่สูงขึ้น

ความเสี่ยงในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม

         บริษัทกำลังพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งขนาด 48 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในเดือนตุลาคม  2564 โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจะมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับบนบกเนื่องจากมีกระแสลมที่พัดบ่อยและแรงกว่า ซึ่งนำไปสู่การผลิตพลังงานที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างนอกชายฝั่งนั้นซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง งานก่อสร้างนอกชายฝั่งอาจล่าช้าหรือหยุดชะงักจากคลื่นแรง ลมแรง และความผิดพลาดในการออกแบบโครงสร้าง

         ความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญของโครงการอาจมีผลต่อความเป็นไปได้ของโครงการ เนื่องจากรัฐบาลเวียดนามกำหนดให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมต้องดำเนินการได้ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 โครงการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกำหนดเวลาจะเสี่ยงต่อการถูกลดอัตราค่าไฟฟ้า ณ วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมของบริษัทอยู่ที่ร้อยละ 77 ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถเปิดดำเนินงานโครงการได้ตามแผนและได้รับอัตราค่าไฟฟ้าตามที่กำหนด นอกเหนือจากความเสี่ยงในการก่อสร้างแล้ว ฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งยังมีความเสี่ยงในการดำเนินงานที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขัดข้องของกลไกและไฟฟ้า ตลอดจนสภาพอากาศที่รุนแรง

ค่าไฟฟ้าที่ลดลงส่งผลกดดันต่อการทำกำไร

         อัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลงของโครงการใหม่ๆ และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงกดดันความสามารถในการทำกำไรของบริษัท บริษัทมีอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่สูงกว่า 9 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ในช่วงปี 2558-2561 ต่อมาอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงเหลือ 7-8 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงในปี 2562-2563 ทั้งนี้ในการคาดการณ์กรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้ง ในปี 2564-2567 อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 6-8 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง หลังจากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่ของบริษัทในประเทศญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์

ระดับหนี้สินยังคงอยู่ในระดับสูง

         ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 9 พันล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนที่ 63% ในเดือนกรกฎาคม 2564 คณะกรรมการของบริษัทได้อนุมัติให้ออกหุ้นใหม่ผ่านการเสนอขายเฉพาะบุคคล โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับทุนใหม่จำนวน 605 ล้านบาทหลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนตุลาคม 2564 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินของบริษัทจะยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากบริษัทจะมีภาระหนี้เพิ่มจากโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา และเชื่อว่าบริษัทจะขยายกำลังการผลิตต่อไปในอนาคต

         ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่า บริษัทจะใช้เงิน 8 พันล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตในช่วงปี 2564-2567 ด้วยเหตุนี้ จึงคาดว่าหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจะขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 1.32 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 68% อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับหนี้สินจะค่อยๆ ลดลงตั้งแต่ปี 2566 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานว่าบริษัทจะได้รับเงื่อนไขการชำระค่าก่อสร้างจากผู้รับเหมาสำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งในประเทศเวียดนาม โดยบริษัทจะจ่ายค่าก่อสร้างส่วนใหญ่หลังจากที่โครงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าเงินทุนจากการดำเนินงานจะอยู่ในช่วง 1.2-1.8 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2567 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินประมาณการไว้ที่ 11%-16% ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว

มีสภาพคล่องเพียงพอ

         โครงการโรงไฟฟ้าของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ภายใต้สัญญาเงินกู้โครงการระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินกู้ยืมทั้งระยะสั้นและระยะยาวกับธนาคารเพื่อใช้ในการสนับสนุนบริษัทย่อยในกลุ่มอีกด้วย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีภาระหนี้รวม 1.08 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึงหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนประมาณ 1.06 หมื่นล้านบาท ดังนั้น อัตราส่วนของหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อภาระหนี้ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 98% เนื่องจากอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับความสำคัญสูงกว่าเกณฑ์ 50% ทริสเรทติ้งมองว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญในแง่ของลำดับความสำคัญของการเรียกร้องต่อสินทรัพย์ของบริษัท

         ทริสเรทติ้ง ประเมินว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2564 บริษัทมีหนี้สินทั้งระยะสั้นและระยะยาวรวมถึงหุ้นกู้ที่จะถึงกำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือนข้างหน้าจำนวนรวมทั้งสิ้น 1.3 พันล้านบาทในขณะเดียวกันบริษัทก็มีเงินสดในมือจำนวน 1.3 พันล้านบาท และทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาท


สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564
  • โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการใหม่ในประเทศญี่ปุ่น (Leo2) เปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2567
  • กำลังการผลิตรวมจะถึงระดับ 329 เมกะวัตต์ในปี 2567
  • ในปี 2564-2567 โรงไฟฟ้าของบริษัทจะผลิตไฟฟ้าได้รวม 263-461 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี
  • รายได้จะอยู่ที่ระดับ 2.1-3 พันล้านบาทต่อปี
  • อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับ 72%-76%
  • ค่าใช้จ่ายลงทุนและเงินลงทุนรวมจะอยู่ที่ 8 พันล้านบาทในช่วงปี 2564-2567
  • บริษัทจะได้รับเงื่อนไขการชำระค่าก่อสร้างจากผู้รับเหมาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมดังที่กล่าวข้างต้น

แนวโน้มอันดับเครดิต

         แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าของบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่เป็นที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดได้ตามที่ประมาณการไว้ และยังคาดหวังว่า โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาของบริษัทจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ตามแผนโดยไม่มีความล่าช้าในการก่อสร้างหรือไม่มีต้นทุนในการก่อสร้างที่สูงเกินกว่าคาด ในขณะที่ระดับของหนี้สินจะยังอยู่ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

         อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นหากโรงไฟฟ้าของบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากกว่าที่ประมาณการไว้อย่างมีนัยสำคัญหรือโครงสร้างทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากสถานะทางการเงินของบริษัทถดถอยลงเป็นอย่างมากจากการก่อหนี้จำนวนมากเพื่อการลงทุน หรือผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่ำจากที่ประมาณการไว้อย่างมากจนส่งผลทำให้กระแสเงินสดลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป,  26 กรกฎาคม 2562

บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP)

อันดับเครดิตองค์กร:

BBB

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

        © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

        ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!