- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 29 August 2021 22:48
- Hits: 20708
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาท ‘บ.ทีพีไอ โพลีน’ ที่ ‘BBB+’ แนวโน้ม “Stable”
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘BBB+’ และคงแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’
ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ‘BBB+’ ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดและชำระหนี้เงินกู้ธนาคารระยะยาวเป็นหลัก ในขณะที่ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้สำหรับการลงทุนและเป็นเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ตลอดจนตำแหน่งผู้นำในตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LPDE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) รวมถึงการมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประโยชน์จากการมีธุรกิจที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ความเข้มแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติกของบริษัทตลอดจนความเสี่ยงจากการดำเนินงานโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (Refuse-derived Fuel -- RDF) และความเสี่ยงจากการลงทุนใน ‘โครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ’ (Special Economic Zone -- SEZ)
นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากแนวโน้มภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระหว่างการลงทุน อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงการพึ่งพาเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ในสัดส่วนที่สูง เนื่องจากเป็นทางเลือกของผู้บริหารประกอบกับสภาวะตลาดหุ้นกู้ที่ดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กำไรของบริษัทในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างของราคาพลาสติกที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจปิโตรเคมีและประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าของบริษัทที่สูงขึ้น รายได้ของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่จำนวน 2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ระดับ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่จำนวนประมาณ 6.37 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเติบโตที่ 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิรวมในช่วงหกเดือนแรกของปีอยู่ที่ 3.63 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.7 พันล้านบาทเมื่อเทียบปีกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 113% ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ปรับตัวดีขึ้น โดยลดลงเหลือ 5.1 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 จากประมาณ 6 เท่า ณ สิ้นปี 2563
ทริสเรทติ้ง ยังคงมองว่าผลกำไรของบริษัทมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นจากความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ ในทุกหน่วยธุรกิจของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังกำลังเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงขยะอีกหลายแห่งทั่วประเทศอีกด้วยโดยมุ่งหวังที่สร้างรายได้ใหม่เพื่อมาชดเชยผลกระทบจากกำไรที่จะลดลงเมื่อส่วนเพิ่มของค่าไฟฟ้า (Adder) ของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่นั้นหมดอายุลง นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดสงขลา โดยทริสเรทติ้งมองว่าความสำเร็จของโครงการดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับกระแสเงินสดของบริษัทให้สูงขึ้นและมีความยั่งยืนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้บริหารของบริษัทคาดว่าบริษัทน่าจะสร้าง EBITDA เพิ่มเติมได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทต่อปีเมื่อโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนภาระหนี้ของบริษัทน่าจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงการลงทุน ซึ่งจะเป็นข้อจำกัดที่สำคัญต่ออันดับเครดิต ในขณะที่ความล่าช้าในการพัฒนาโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษก็ยังคงเป็นความเสี่ยงที่มีนัยสำคัญเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศที่รุนแรงยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรียังคงยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาโครงการดังกล่าวโดย และยังให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต. ) ดำเนินการต่อโดยยึดมติคณะรัฐมนตรีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ บริษัทได้ซื้อที่ดินในพื้นที่ที่คาดว่าจะทำการพัฒนาโครงการไว้แล้ว ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมใดๆ ในโครงการดังกล่าวเว้นแต่ในกรณีที่บริษัทได้รับความเห็นชอบอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังเชื่อว่าบริษัทน่าจะจำเป็นต้องแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความสามารถหรือจัดทำแผนการเงินที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงภาระหนี้ที่สูงเกินไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการแข่งขันในธุรกิจปูนซีเมนต์และธุรกิจพลาสติกได้เช่นเดิมในขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้นจะยังคงมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่กลุ่ม ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยชดเชยกระแสเงินสดที่ลดลงจากการที่ส่วนเพิ่มค่าไฟฟ้าจำนวนมากจะหมดอายุลงได้ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับผลการดำเนินงานและระดับหนี้สินของบริษัท
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตนั้นมีจำกัดในระยะใกล้แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าบริษัทได้รับประโยชน์จากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานต่าง ๆ และประสบความสำเร็จในการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ๆ ซึ่งสิ่งดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ผลกำไรได้เป็นอย่างมากตามที่คาดหมาย นอกจากนี้ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ของบริษัทยังคงลดต่ำกว่า 6 เท่าเป็นเวลานานและบริษัทสามารถกระจายความหลากหลายของแหล่งกู้ยืมได้หรือหากภาระหนี้ของบริษัทลดลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทอยู่สูงเกินกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลานาน ซึ่งสิ่งนี้อาจจะเกิดจากการที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ของบริษัทด้อยลง หรือผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ หรือบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่โดยใช้เงินกู้เป็นหลัก ในขณะที่การสูญเสียส่วนทุนจำนวนมากจากคดีฟ้องร้องที่ยังคงค้างอยู่ก็อาจส่งผลทำให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้ด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564
- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562 |
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL)
อันดับเครดิตองค์กร: |
BBB+ |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
TPIPL221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,530 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 |
BBB+ |
TPIPL224A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 |
BBB+ |
TPIPL228A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,745 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 |
BBB+ |
TPIPL231A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
TPIPL231B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,382.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
TPIPL234A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,640.5 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
BBB+ |
TPIPL241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
TPIPL244A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,127 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
TPIPL24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,515.3 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
BBB+ |
TPIPL251A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,888 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
TPIPL256A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
TPIPL25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,410.7 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 |
BBB+ |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 5 ปี |
BBB+ |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
|
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ