- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 24 July 2021 13:53
- Hits: 20156
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท ‘บ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป’ ที่ ‘A+’ แทนที่หุ้นกู้เดิมวงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A+’ และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนซึ่งไม่มีประกันและไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท (Hybrid Debentures) ของบริษัทที่ระดับ ‘A-‘ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคง ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาทที่ระดับ ‘A+’ ด้วย
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 เนื่องจากบริษัทแจ้งความประสงค์เพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้จากเดิม 4 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปจ่ายชำระคืนหนี้เดิมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่เข้มแข็งของบริษัทในฐานะผู้ผลิตอาหารทะเลแปรรูปชั้นนำของโลก รวมถึงการมีสินค้าและตลาดที่หลากหลาย และตราสัญลักษณ์สินค้าที่เป็นที่รู้จักทั้งในทวีปยุโรปและประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดจนลักษณะของธุรกิจที่คู่แข่งรายใหม่เข้ามาได้ยากเนื่องจากมีโควต้าการจับปลาและต้องอาศัยเงินลงทุนจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความเสี่ยงของอุตสาหกรรมในหลาย ๆ ด้าน อันได้แก่ ความผันผวนของต้นทุนวัตถุดิบ ความเสี่ยงจากโรคระบาด การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบทางการค้าและกฎเกณฑ์การจับปลาทั่วโลก และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2564 อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง รวมถึงอัตรากำไรที่แข็งแกร่งของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทเพิ่มขึ้น 30.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ระดับ 3.6 พันล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 11.4% ในไตรมาสแรกของปี 2564 จากระดับ 7%-10% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ภาระหนี้เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลการดำเนินที่แข็งแกร่งและการลงทุนที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 4.1 เท่าในไตรมาสแรกของปี 2564 ลดลงจากระดับ 6.1 เท่าในปี 2562 และ 4.2 เท่าในปี 2563 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ระดับ 52.1% ณ ไตรมาสแรกของปี 2564 จากระดับ 55.4% ในปี 2562 และ 52.3% ในปี 2563
สำหรับ ช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 นี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีแม้ว่าจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในหลากหลายด้านก็ตาม ทั้งนี้ กลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรม การเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และความพยายามในการลดต้นทุนของบริษัท ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากโรคโควิด 19 โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญ จะช่วยเสริมให้บริษัทมีผลประกอบการที่มั่นคงได้
ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจำนวน 6.2 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้และหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุนจำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจำนวน 2.1 หมื่นล้านบาท และเงินกู้ระยะสั้นจำนวน 8 พันล้านบาท
ตามข้อกำหนดทางการเงินสำหรับตราสารหนี้และเงินกู้ธนาคารที่ระบุให้บริษัทต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่าและอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยเกินกว่า 3 เท่า
ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.9 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยอยู่ที่ 8.6 เท่า ซึ่งทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทน่าจะสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวได้ตลอดช่วงระยะเวลาที่ประมาณการ
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันและผลการดำเนินงานที่ดีเอาไว้ได้
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของบริษัทอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นหากกระแสเงินสดของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับลดลงหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงกว่าที่คาดไว้เป็นอย่างมาก หรือบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่จนส่งผลให้โครงสร้างเงินทุนและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้อ่อนแอลงกว่าที่คาด
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 - วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562 |
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (Hybrid Securities), 12 กันยายน 2561 |
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561 |
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TU)
อันดับเครดิตองค์กร: |
A+ |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
TU217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 |
A+ |
TU217B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 |
A+ |
TU221A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 |
A+ |
TU237A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
A+ |
TU241A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
A+ |
TU242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 |
A+ |
TU26NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
A+ |
TU271A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 |
A+ |
TU29NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 |
A+ |
TU19PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 6,000 ล้านบาท |
A- |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 7 ปี |
A+ |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
|
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ