WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 4ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้มีการค้ำประกัน ‘บ.พฤกษา โฮลดิ้ง’ ที่ ‘A’ แนวโน้ม ‘Stable’

         ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกันของ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่อาจเพิกถอนได้โดย บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ‘A’ ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ’คงที่’ ในกรณีนี้ หุ้นกู้มีการค้ำประกันดังกล่าวมีสิทธิเท่าเทียมกันกับเจ้าหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท

         อันดับเครดิตสะท้อนถึงคุณภาพเครดิตของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งและเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 98.23% ของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท อีกทั้งยังสะท้อนถึงรายได้จากเงินปันผลที่บริษัทได้รับจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทตาม ‘เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ’ ของทริสเรทติ้งอีกด้วย

         อันดับเครดิตสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท ในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย โดยที่ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท นั้นมาจากการมีสินค้าที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างหลากหลาย ตลอดจนยอดขายที่รอการส่งมอบสินค้าจำนวนมากที่ช่วยสนับสนุนรายได้ของบริษัทในอนาคตได้ส่วนหนึ่ง

         นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงหนี้สินทางการเงินของกลุ่มพฤกษาที่อยู่ในระดับปานกลางและความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยืดเยื้อยาวนานซึ่งสร้างแรงกดดันต่ออุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยและความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

รายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท

         เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท ในสัดส่วนถึง 98.23% ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท ทั้งนี้ ตามนโยบายการจ่ายเงินปันผลของกลุ่ม บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จะจ่ายเงินปันผลให้แก่บริษัทในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำนวน 3.8 พันล้านบาทในปี 2562 และ 2.9 พันล้านบาทในปี 2563  

         ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท เป็นบริษัทย่อยที่สำคัญเพียงแห่งเดียวของบริษัท โดยมีขนาดของสินทรัพย์คิดเป็นสัดส่วน 95% ของสินทรัพย์รวมของกลุ่มบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังได้เริ่มดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลโดยเปิดดำเนินการ ‘โรงพยาบาลวิมุต’ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกของบริษัทในเดือนพฤษภาคม 2564 อีกด้วย อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้จากโรงพยาบาลวิมุตยังคงน้อยมาก ทริสเรทติ้งจึงมองว่าบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญเพียงแห่งเดียวของบริษัทต่อไปในระยะปานกลาง

ผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า

         ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังดำเนินต่อไปตลอดทั้งปี 2564 โดยคาดว่าอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยจากผู้ซื้อภายในประเทศจะยังคงชะลอตัว ในขณะที่อุปสงค์จากผู้ซื้อต่างชาติจะชะงักงันต่อไปอีก ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในปีนี้ซึ่งใกล้เคียงกับในปี 2563 ทั้งนี้ เนื่องจากสินค้าที่อยู่อาศัยของบริษัทส่วนใหญ่อยู่ในตลาดระดับราคาปานกลางถึงต่ำ ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจึงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งในการฟื้นตัวท่ามกลางภาวะที่อุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

         ทริสเรทติ้ง จึงคาดว่ารายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทจะปรับดีขึ้นอย่างช้า ๆ ที่ระดับ 3.7-3.8 หมื่นล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2565-2566 ซึ่งยังคงต่ำกว่าระดับก่อนการเกิดโรคโควิด 19 ซึ่งอยู่ที่ 4-4.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2560-2562 ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลนั้น ทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากโรงพยาบาลแห่งแรกของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 0.2-0.4 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566

         ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะส่งมอบยอดขายรอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564 บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ที่มูลค่า 2.25 หมื่นล้านบาทซึ่งประมาณ 90% มาจากโครงการคอนโดมิเนียม ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะส่งมอบที่อยู่อาศัยซึ่งมียอดขายรอการรับรู้รายได้ที่มูลค่า 1.03 หมื่นล้านบาทในช่วงที่เหลือของปี 2564 นอกจากนี้ จะส่งมอบที่อยู่อาศัยมูลค่า 1.09 หมื่นล้านบาทในปี 2565 และที่เหลือจะส่งมอบได้ในช่วงปี 2566-2567

ความสามารถในการทำกำไรยังคงได้รับแรงกดดันต่อไป

         เนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 บริษัทจึงอาจจะต้องดำเนินกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อที่จะระบายสินค้าคงเหลือสร้างเสร็จที่ค้างเป็นเวลานานและเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งทำให้คาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นจากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยของบริษัทอาจลดลงต่ำกว่า 30% ในปีนี้ นอกจากนี้ ยอดขายที่ลดลงก็ส่งผลให้อัตราการใช้ประโยชน์จากโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูปลดน้อยลงซึ่งมีผลต่ออัตรากำไรของแต่ละโครงการด้วย อีกทั้งทริสเรทติ้งยังมองว่าบริษัทจะต้องแบกภาระขาดทุนจากโรงพยาบาลวิมุตในช่วง 3 ปีข้างหน้าอีกด้วยเช่นกัน

         อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่าผลขาดทุนดังกล่าวไม่น่าจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงจากการควบคุมต้นทุนในการดำเนินงานที่เข้มงวดขึ้นและการจ้างผู้ให้บริการจากภายนอกที่มากขึ้นน่าจะช่วยชดเชยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดต่ำลงได้บางส่วน

         ทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นโดยเฉลี่ยของบริษัทจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 27% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมในปีนี้และจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29% ในช่วงปี 2565-2566 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารน่าจะอยู่ที่ระดับ 15%-17% ของรายได้จากการดำเนินงานรวม อีกทั้งยังคาดว่ากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 4.3 พันล้านบาทในปี 2564 ซึ่งต่ำกว่าในปี 2563 อยู่15% โดยคาดว่าน่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 6.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566 หรือต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ประมาณ 25% ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังให้บริษัทรักษาอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้เอาไว้ไม่ต่ำกว่า 15% และอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 8%-10% ของรายได้จากการดำเนินงานรวมตลอดช่วงประมาณการ

สินค้าที่อยู่อาศัยมีความหลากหลายและเป็นแบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับในตลาดทาวน์เฮ้าส์ระดับราคาปานกลางถึงต่ำ

         ทริสเรทติ้ง มองว่าบริษัทมีสินค้าที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายทั้งในแง่ของรูปแบบและระดับราคา โดยสินค้าของบริษัทครอบคลุมทั้งทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมในระดับราคาที่แตกต่างกัน ในส่วนของทาวน์เฮ้าส์นั้นครอบคลุมระดับราคาตั้งแต่ต่ำไปจนถึงปานกลางซึ่งมีราคาขายอยู่ในช่วง 2-7 ล้านบาทต่อหลัง

         ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวนั้นครอบคลุมตั้งแต่ระดับราคา 3-10 ล้านบาทต่อหลัง ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมครอบคลุมตั้งแต่ระดับราคาต่ำไปจนถึงสูงซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 40,000 บาทไปจนถึง 260,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ทั้งนี้ แบรนด์สินค้าของบริษัทมีความโดดเด่นในตลาดทาวน์เฮ้าส์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าในระดับราคา 2-3 ล้านบาทซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดมานานหลายปี

         ตามความเห็นของทริสเรทติ้งมองว่าการมีสินค้าที่หลากหลายและมีแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักดีทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นที่เพียงพอในการนำเสนอสินค้าให้สอดคล้องกับอุปสงค์และยังคงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดเอาไว้ได้ ทั้งนี้ ณ เดือนเมษายน 2564 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาประมาณ 200 โครงการซึ่งมีมูลค่าเหลือขายรวม 7.9 หมื่นล้านบาท (รวมทั้งที่ก่อสร้างแล้วและยังไม่ได้ก่อสร้าง) โดยโครงการทาวน์เฮ้าส์มีสัดส่วนคิดเป็น 46% ของมูลค่าเหลือขายทั้งหมด ในขณะที่โครงการบ้านเดี่ยวคิดเป็น 32% และคอนโดมิเนียมคิดเป็น 22%

อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ในระดับปานกลาง

         เนื่องจากอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป บริษัทจึงได้ชะลอการซื้อที่ดินและการเปิดโครงการใหม่ออกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบโครงการใหม่มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2564-2566 โดยทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพียง 4 พันล้านบาทในปี 2564 และจะกลับมาเปิดเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566

         โดยคาดว่า โครงการใหม่จะเน้นไปที่กลุ่มระดับราคาที่ไม่สูงเกินไป ในขณะที่งบประมาณซื้อที่ดินคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทในปี 2564 และ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566 ส่วนงบลงทุนสำหรับธุรกิจโรงพยาบาลนั้นคาดว่าจะอยู่ที่จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1.2 พันล้านบาทในช่วงปี 2564-2566

         แม้ว่าบริษัทจะยังคงขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้อยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 15% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะปรับดีขึ้นเป็นประมาณ 3 เท่าในปีหน้า ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่าตลอดช่วงประมาณการด้วย

         เงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้และเงินกู้จากธนาคารกำหนดให้บริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนไม่ให้เกินกว่า 2 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมีนาคม 2564 อัตราส่วนดังกล่าวของบริษัทอยู่ที่ 0.54 เท่า ในการนี้ ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถบริหารโครงสร้างทางการเงินให้สอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวต่อไปได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

สภาพคล่องที่เพียงพอ

         ตามงบการเงินรวมของบริษัท ทริสเรทติ้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทจะยังคงมีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนมีนาคม 2564 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดจำนวน 1.5 พันล้านบาท วงเงินกู้ระยะสั้นที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่สามารถยกเลิกได้จำนวน 1.13 หมื่นล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้นที่ยังไม่ได้เบิกใช้แต่สามารถยกเลิกได้อีกจำนวน 1.28 หมื่นล้านบาท

         นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในปี 2564 จะอยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท และบริษัทยังมีที่ดินที่ปลอดภาระค้ำประกันซึ่งมีมูลค่าตามบัญชีที่จำนวน 9.1 พันล้านบาทที่สามารถนำไปเป็นหลักประกันเพื่อขอวงเงินกู้ใหม่ได้ในกรณีที่จำเป็นอีกด้วย ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 8.7 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 8.3 พันล้านบาท เงินกู้ระยะยาวจากธนาคารจำนวน 0.3 พันล้านบาท และหนี้สินตามสัญญาเช่าอีกจำนวน 0.1 พันล้านบาท

         ณ เดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินรวม (ตามการพิจารณาลำดับชั้นในการได้รับคืน) ที่จำนวน 2.35 หมื่นล้านบาทซึ่งรวมถึงหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจำนวน 3.1 พันล้านบาท ทั้งนี้ หนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนของบริษัทอยู่ในรูปของหนี้ที่มีหลักประกันของบริษัทย่อย ดังนั้น อัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินทางการเงินรวมจึงมีสัดส่วนอยู่ที่ 13% แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะน้อยกว่า 50% แต่ทริสเรทติ้งก็คาดหมายว่าหุ้นกู้ของบริษัทพฤกษา โฮลดิ้ง จะได้รับการค้ำประกันจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท เนื่องจากบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท หรือบริษัทย่อยอื่น ๆ อาจก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

         สมมติฐานกรณีพื้นฐานที่สำคัญๆ ของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2564-2566 มีดังนี้

  • บริษัทจะเปิดโครงการบ้านจัดสรรโครงการใหม่ ๆ ที่มูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปี
  • บริษัทจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่มูลค่า 4 พันล้านบาทในปี 2564 และมูลค่า 8 พันล้านบาทถึง 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566
  • งบประมาณซื้อที่ดินคาดว่าจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาทในปี 2564 และ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566
  • งบลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 พันล้านบาท
  • รายได้จากการดำเนินงานรวมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.1 หมื่นล้านบาทในปี 2564 และคาดว่าจะปรับดีขึ้นเป็น 3.8-3.9 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2565-2566

แนวโน้มอันดับเครดิต

         แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานตามที่คาดการณ์เอาไว้ได้ อีกทั้งยังคาดว่าบริษัทย่อยจะสามารถส่งมอบยอดขายที่อยู่อาศัยที่รอรับรู้รายได้ได้ตามแผน แม้ว่าอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยจะยังคงชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยืดเยื้อยาวนานและการฉีดวัคซีนที่ดำเนินไปอย่างล่าช้า แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 15% ได้และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะปรับดีขึ้นเป็นประมาณ 3 เท่าในปี 2565

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

         อันดับเครดิตของบริษัทจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินของกลุ่มบริษัทเป็นสำคัญ หากการลงทุนในธุรกิจใหม่ประสบผลสำเร็จก็จะส่งผลในทางบวกต่ออันดับเครดิต ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในทางลบหากผลการดำเนินงานของบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท ต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ และ/หรือผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงพยาบาลทำให้สถานะเครดิตของกลุ่มบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564

  - วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH)

อันดับเครดิตองค์กร:

A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

PSH223A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A

PSH225A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A

PSH22NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A

PSH22NB: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A

PSH235A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

PSH23NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

PSH245A: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A

PSH24NA: หุ้นกู้มีการค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

A

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

     

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

         © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

         ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!