- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Saturday, 10 July 2021 22:09
- Hits: 20726
ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตตราสารสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการค้ำประกันของ Minor International ชุดใหม่ที่ ‘BBB(EXP)’
ฟิทช์ เรทติ้งส์ - ซิดนีย์/กรุงเทพฯ - 8 กรกฎาคม 2564: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศจัดอันดับเครดิตระยะยาวที่คาดว่าจะให้ (Expected Long-term Rating) ให้แก่ตราสารค้ำประกันประเภทกึ่งหนี้กึ่งทุนที่ไม่มีกำหนดอายุ มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ที่ ‘BBB(EXP)’
อันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ ‘BBB’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ผ่านสาขาที่สิงคโปร์ ทั้งนี้ อันดับเครดิตสุดท้ายที่จะให้จะขึ้นอยู่กับเอกสารการเสนอขายตราสารฉบับจริงที่ฟิทช์จะได้รับที่มีข้อมูลสอดคล้องกับการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าจำนวนเงินที่ค้ำประกันสูงสุดโดย BBL สำหรับตราสารที่ถูกจัดอันดับสามารถที่จะ ครอบคลุมเงินต้น, ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก ที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมดของตราสารในช่วงเวลาห้าปีแรกจนถึงวันครบกำหนดไถ่ถอนที่น่าจะเป็น ในปี 2569
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อันดับเครดิตเท่ากับอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกัน – ตราสารดังกล่าวมีอันดับเครดิตเท่ากับอันดับเครดิตสากลของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ (Senior Unsecured Rating) ของผู้ค้ำประกัน คือ BBL เพื่อสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก BBL ผ่านสาขาที่ต่างประเทศ โดยภาระจากการค้ำประกันมีสถานะเท่าเทียมกันกับภาระผูกพันที่ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิของ BBL
วันครบกำหนดไถ่ถอนที่น่าจะเป็นในปี 2569 – การค้ำประกันเต็มจำนวนจะมีผลบังคับจนถึงวันที่มีการจ่ายภาระผูกพันค้างชำระทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตราสารอย่างครบถ้วนถูกต้องเต็มจำนวน หรือจนถึงวัน First Reset Date ในปี 2569 แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน โดยที่ผู้ถือตราสารต้องมีการปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนด ในกรณีที่ MINT ไม่ใช้สิทธิเรียกไถ่ถอนตราสารในวันที่สามารถใช้สิทธิเรียกไถ่ถอนได้ก่อนถึงวัน First Reset Date (Non-call Event) ผู้ค้ำประกันจำเป็นจะต้องซื้อคืนตราสารดังกล่าวทั้งหมด ในราคาที่ครอบคลุมทั้งเงินต้น, ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการบังคับซื้อคืนในกรณี Non-call Event ดังกล่าว หาก MINT เข้าสู่ภาวะล้มละลายก่อนที่จะถึง First Reset Date BBL ก็มีภาระผูกพันที่จะต้องซื้อคืนตราสาร ในราคาที่คำนวณบนหลักการเดียวกันกับที่กล่าวมาข้างต้นเช่นกัน ดังนั้น ฟิทช์มองว่า First Reset Date น่าจะเป็นวันครบกำหนดไถ่ถอนที่น่าจะเป็น (Effective Maturity Date) ของตราสารนี้
จำนวนเงินที่ค้ำประกันสูงสุดยังไม่มีการกำหนด – จำนวนเงินที่ค้ำประกันทั้งหมดโดย BBL ถูกจำกัดไว้ไม่เกินกว่า ‘จำนวนเงินที่ค้ำประกันสูงสุด’ ของตราสารที่ถูกจัดอันดับ ซึ่งยังไม่มีการกำหนด ณ ขณะนี้ ‘จำนวนเงินที่ค้ำประกันสูงสุด’ที่จะปรากฏในเอกสารการเสนอขายตราสารฉบับจริงขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของตราสาร ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวน่าจะครอบคลุมเงินต้น ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก ที่น่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดของตราสารในช่วงเวลาที่การค้ำประกันมีผลบังคับ
ฟิทช์ จะพิจารณาเอกสารการเสนอขายตราสารฉบับจริงว่าวงเงินค้ำประกันดังกล่าวจะครอบคลุมเงินต้น ดอกเบี้ยค้างจ่าย, ดอกเบี้ยตั้งพัก และดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยตั้งพัก ที่น่าจะเกิดขึ้นทั้งหมดของตราสารในช่วงเวลาที่การค้ำประกันมีผลบังคับหรือไม่
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
อันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าวสะท้อนถึงการได้รับการค้ำประกันในลักษณะไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก BBL
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
- การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ BBL จะส่งผลเช่นเดียวกับอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันของ MINT เนื่องจากเป็นตราสารที่ถูกค้ำประกันเต็มจำนวนโดย BBL
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
- การปรับลดอันดับเครดิตของ BBL จะส่งผลเช่นเดียวกับอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันของ MINT เนื่องจากเป็นตราสารที่ถูกค้ำประกันเต็มจำนวนโดย BBL
สำหรับ BBL ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 มี ดังนี้
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ หรือ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินได้รับการเปรับเพิ่มอันดับ ทั้งนี้อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL ยังได้รวมถึงการพิจารณาโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำพร้อมกันจะส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ BBL อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน อันดับเครดิตภายในประเทศอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'AA(tha)' หากฟิทช์มองว่าโครงสร้างเครดิตของธนาคารอ่อนแอลงเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นในประเทศ
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต –อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BBL อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเป็น 'bbb+' หากอัตราส่วนที่สำคัญทางการเงินปรับตัวสอดคล้องกับธนาคารอื่นที่มีอันดับเครดิตสูงกว่าและอยู่ในสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่คล้ายกัน
ทั้งนี้ อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญดังกล่าวรวมถึงการรักษาอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมที่ระดับต่ำกว่า 3% และมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวสูงกว่า 2.5% (ปี 2563 0.76%) รวมถึงการมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่สูงกว่า 16% การปรับตัวดีขึ้นของคุณภาพสินทรัพย์จะช่วยสนับสนุนกำไรและการสะสมกำไรและฐานะเงินกองทุนในระยะปานกลาง
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน):
อันดับความแข็งแกร่งของธนาคารอาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น ‘bbb-‘ หากฐานะเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวด้อยลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของฟิทช์ ซึ่งสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตหลายๆปัจจัย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการอ่อนตัวลงของสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน เช่น การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสูงกว่า 6% และมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ต่ำกว่า 13 % รวมทั้งอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพต่ำกว่า 120% (ปี 2563 178%)
ข้อมูลบริษัท
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT เป็นผู้ดำเนินธุรกิจพักผ่อนและสันทนาการรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ MINT ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท NH Hotel Group S.A. หรือ NHH (อันดับเครดิต B-, แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) โดยถือหุ้นร้อยละ 94 หลังจากที่เข้าซื้อกิจการ NHH ในปี 2561 MINT เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ NHH เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาดริด ในประเทศสเปน
อันดับเครดิตที่เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของตราสารสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีการค้ำประกันของ MINT เกี่ยวโยงกับอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน การเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BBL จะส่งผลโดยตรงต่ออันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าวของ MINT นอกจากนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของฟิทช์ต่อสัญญาค้ำประกันอาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตของตราสารค้ำประกันดังกล่าว ของ MINT ได้
ติดต่อ
Primary Analyst
Vicky Melbourne
Senior Director
+61 2 8256 0325
Fitch Australia Pty Ltd
Suite 15.01, Level 15 135 King Street
Sydney 2000
Secondary Analyst
ณิชยา สีมานนทปริญญา
Director
+662 108 0161
Committee Chairperson
Hasira De Silva
Senior Director
+65 6796 7240
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้ที่ www.fitchratings.com
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ