- Details
- Category: บริษัทจดทะเบียน
- Published: Sunday, 20 June 2021 15:31
- Hits: 9326
ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาท ‘บ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี’ ที่ ‘A-‘ แนวโน้ม ‘Stable’
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A-‘ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2.0 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ‘A-‘ อีกด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะผู้นำของบริษัทในธุรกิจยางธรรมชาติ ตลอดจนความสามารถในการแข่งขันจากการเป็นผู้ประกอบการยางธรรมชาติตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์ขั้นต้นของปลายน้ำ (Vertical Integration) และประวัติผลงานที่เข้มแข็งของคณะผู้บริหารของบริษัท ทว่าความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ถูกลดทอนลงบางส่วนจากลักษณะความเป็นวงจรขึ้นลงและความผันผวนของราคายางธรรมชาติ รวมทั้งความท้าทายต่างๆ ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอน
รายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในปี 2563 ยังคงเป็นไปตามการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง บริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานรวมเพิ่มสูงขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 7.57 หมื่นล้านบาทในปี 2563 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจถุงมือยางเพิ่มขึ้นเป็น 41% ของรายได้รวม จากเดิมที่ 20% ในปี 2562 จากอุปสงค์ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (รวมกำไรหรือขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ราคายาง) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 29% ในปี 2563 จากระดับ 7% ในปี 2562 ซึ่งสาเหตุมาจากการมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่มมากขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง
ในขณะเดียวกัน กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 2.07 หมื่นล้านบาท ในปี 2563 เมื่อเทียบกับระดับ 3.3 พันล้านบาทในปี 2562 ส่งผลให้บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิที่จำนวน 9.5 พันล้านบาทโดยเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 149 ล้านบาทในปี 2562
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 รายได้จากการดำเนินงานรวมและกำไรสุทธิของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานเติบโตที่ระดับ 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจถุงมือยางเพิ่มขึ้นเป็น 49% จากเดิมที่ระดับ 22% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากมาอยู่ที่ระดับ 32% จากเดิมที่ระดับ 14% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 1.21 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 เมื่อเทียบกับระดับ 1.8 พันล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
สถานะทางการเงินยังคงแข็งแรง โดยอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.9% ณ เดือนมีนาคม 2564 จากระดับ 10.5% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 7%-13% ในช่วงปี 2564-2566
ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะยังคงสามารถรักษาสภาพคล่องที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระจำนวน 1.4-3.3 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2564-2566 โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีเงินสดในมือและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 3.2 หมื่นล้านบาทและวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกกว่า 1.65 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต’Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติเอาไว้ได้พร้อมทั้งมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจถุงมือยางเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะมีการบริหารความเสี่ยงทั้งที่เกิดจากราคายางธรรมชาติและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ระมัดระวัง รวมทั้งจะยังคงรักษาสภาพคล่องไว้ให้เพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติได้อีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังคงมีจำกัดในระยะใกล้เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มไปแล้วในปี 2563 ในขณะที่การปรับลดอันดับเครดิตสามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีที่ผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องจนส่งผลทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วอยู่สูงเกินกว่าระดับ 4 เท่า นอกจากนี้ การลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากซึ่งจะทำให้งบการเงินและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องก็อาจส่งผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตด้วยเช่นกัน
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564 - เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 13 มกราคม 2564 - วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562 |
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA)
อันดับเครดิตองค์กร: |
A- |
อันดับเครดิตตราสารหนี้: |
|
STA234A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 |
A- |
STA264A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 |
A- |
STA314A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 |
A- |
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 4 ปี |
A- |
แนวโน้มอันดับเครดิต: |
Stable |
|
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ