WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 11ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม 'บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์' ที่ BBB-/Stable

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB-” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความเพียงพอของฐานทุนของบริษัท ตลอดจนความสามารถในการรักษาสถานะทางธุรกิจ และความสามารถในการทำกำไรได้ตามที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการสนับสนุนทางการเงินจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.)

      อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ การถดถอยลงของสินทรัพย์ รวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ของไทย การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงข้อจำกัดในการขยายขอบเขตทางธุรกิจ และความสามารถในการบรรลุพันธกิจของบริษัท ทั้งนี้ ความสำเร็จของนโยบายเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในการให้สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้นแก่บริษัทหลักทรัพย์ ยังต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

      ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ ได้แก่ ต.ล.ท. กระทรวงการคลัง และธนาคารออมสิน โดย ต.ล.ท. เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 40.65% กระทรวงการคลัง 10.56% และธนาคารออมสิน 9.54%

      ปัจจุบัน บริษัทให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์แก่ลูกค้ารายย่อย และจัดหาสภาพคล่องระยะสั้นแก่บริษัทหลักทรัพย์ โดย ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 3,986 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเงินให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในสัดส่วน 80% หรือ 3,198 ล้านบาท ในด้านของรายได้ กว่า 90% ของรายได้มาจากดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของธุรกิจและรายได้

      ภายหลังจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 ผลการดำเนินงานของบริษัทก็ยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ บริษัทยังคงเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจหลักด้วยเหตุผล 2 ประการ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาดและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์อื่น ๆ ได้ขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างรวดเร็วในระหว่างปี 2553 ถึงเดือนกันยายน 2560 ซึ่งทำให้ขนาดของสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรมขยายตัวจาก 15.9 พันล้านบาทในปี 2552 เป็น 65.2 พันล้านบาท ณ เดือนกันยายน 2560 ผลกระทบจากวิกฤติการเงินเมื่อปี 2551 ทำให้พอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงอย่างมากจาก 6,377 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2551 เป็น 2,417 ล้านบาทในปี 2559 อย่างไรก็ดี พอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 3,049 ล้านบาทในเดือนกันยายน 2560 หรือเพิ่มขึ้น 26.15% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559 บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 4.7% ณ เดือนกันยายน 2560

      บริษัทได้นำเสนอบริการใหม่เพื่อกระจายแหล่งรายได้และเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคือการให้สภาพคล่องแก่บริษัทหลักทรัพย์ โดยบริษัทได้เริ่มให้สินเชื่อแก่บริษัทหลักทรัพย์ในปี 2557 ซึ่งเป็นสินเชื่อที่บริษัทเคยให้บริการมาก่อน

      ณ เดือนกันยายน 2560 สินเชื่อที่บริษัทให้แก่บริษัทหลักทรัพย์มียอดคงค้าง 495 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังให้สินเชื่อแก่บริษัทหลักทรัพย์โดยผ่านการรับซื้อโดยมีสัญญาขายคืนหลักทรัพย์ ณ เดือนกันยายน 2560 สินเชื่อในรูปแบบหลักทรัพย์ซื้อโดยมีสัญญาขายคืนอยู่ที่ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีประสบการณ์ในการให้สินเชื่อทั้ง 2 ประเภทดังกล่าวไม่มากนัก

     ผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา บริษัทสามารถลดต้นทุนทางการเงินลงได้ โดยบริษัทได้ทำการหาแหล่งเงินกู้ระยะยาวใหม่ ๆ เพื่อนำมาจ่ายคืนเงินกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ปัจจุบันบริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินมากขึ้นและมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง โดยต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 6.38% ในปี 2556 เป็น 2.67% ในปี 2559 บริษัทมีต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 2.26% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) สำหรับงวด 9 เดิอนแรกของปี 2560 ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทได้รับวงเงินกู้ยืมที่เพียงพอจากสถาบันการเงินภายในประเทศหลายแห่ง ฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัทช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจตามแผน ทั้งนี้ อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 41.76% ณ เดือนกันยายน 2560

       บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านบาท ในปี 2556 เป็น 57 ล้านบาทในปี 2558 ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 19% มาอยู่ที่ 46 ล้านบาท เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีที่หมดลงในปีนี้ อย่างไรก็ดี บริษัทสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 54 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 เทียบกับ 34 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากความสามารถของผู้บริหารที่สามารถควบคุมต้นทุนทางการเงินและการขยายธุรกิจโดยการผสมผสานที่ดีของฐานลูกค้า

       ในด้านคุณภาพของสินทรัพย์นั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ได้โดยมีความเข้มงวดในการเรียกหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) และการบังคับขาย (Forced Sell) รวมทั้งคงเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อและหลักประกันที่เข้มงวดต่อไป

           

แนวโน้มอันดับเครดิต

                แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาผลประกอบการและฐานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ในระดับปัจจุบันต่อไปได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริการใหม่จะสามารถสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทในอนาคตได้ตามแผนโดยที่บริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ต.ล.ท. อย่างต่อเนื่องต่อไป

                อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจปรับลดลงได้หากการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หรือความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์เป็นสาเหตุให้บริษัทมีผลประกอบการถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ หากโครงสร้างของสินทรัพย์และหนี้สินของบริษัทมีความไม่สอดคล้องกันเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันก็อาจส่งผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตได้ด้วยเช่นกัน ในทางตรงกันข้าม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) (TSFC)

อันดับเครดิตองค์กร:              BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

       ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

     บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

     ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!