- Details
- Category: บล.
- Published: Sunday, 02 July 2017 16:30
- Hits: 4473
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม ‘บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)’ที่ ‘AA-/Stable’
ทริสเรทติ้ง ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่ระดับ ‘AA-‘โดยอันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทซึ่งสะท้อนระดับการสนับสนุนที่บริษัทจะได้รับในฐานะบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอส (DBS Group) ในประเทศสิงคโปร์
อันดับเครดิตเฉพาะของ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เป็นผลมาจากการที่บริษัทเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มดีบีเอสในภูมิภาคเอเชียซึ่งทำให้บริษัทได้ประโยชน์ในการเข้าถึงเครือข่ายฐานลูกค้าและทรัพยากรของกลุ่มดีบีเอสที่มีอยู่ทั่วภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูง รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอ และความเสี่ยงด้านเครดิตจากการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่สูงกว่าคู่แข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทยังมีข้อจำกัดจากธรรมชาติที่ผันผวนและการแข่งขันที่รุนแรงของธุรกิจหลักทรัพย์ซึ่งมีผลกระทบต่ออัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปัจจุบันด้วย
บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดย DBS Vickers Securities Holding Pte. (DBSVSH) ซึ่งรับผิดชอบให้บริการด้านธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มดีบีเอส บริษัทเป็นบริษัทลูกของกลุ่มดีบีเอสที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในประเทศไทยซึ่งให้บริการด้านงานวิจัย นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และธุรกิจอื่น ๆ แก่ลูกค้าในเครือข่ายของกลุ่มดีบีเอส ขอบข่ายของธุรกิจและการบริหารความเสี่ยงของบริษัทมีบริษัทแม่คอยควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างสอดคล้องกับวัตถุประสงค์โดยรวมของกลุ่มดีบีเอส โดยกลุ่มดีบีเอสได้ให้การสนับสนุนบริษัททั้งทางด้านการเงินและการบริหารจัดการ ทั้งนี้ ธนาคารดีบีเอส (DBS Bank) ซึ่งเป็นบริษัทลูกรายหนึ่งของกลุ่มได้รับอันดับเครดิตจากสถาบันจัดอันดับเครดิตสากล คือ Moody’s Investors Service ที่ระดับ “Aa1” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” และ Standard and Poor’s ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” เช่นเดียวกัน
บริษัทมีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ประจำปีจากลูกค้าของกลุ่มดีบีเอสคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศยังคงค่อนข้างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างประเทศส่วนมากส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ Direct Market Access (DMA) ซึ่งมีอัตราค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ต่ำกว่าค่าธรรมเนียมที่ซื้อขายผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด จึงส่งผลให้ปริมาณและมูลค่าซื้อขายผ่านระบบ DMA ในปี 2559 จนถึงปัจจุบันของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ส่วนแบ่งทางการตลาดของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมของบริษัทอยู่ที่ 6.7% ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดีความสามารถในการรักษาสถานะทางการตลาดให้แข็งแกร่งต่อไปยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
การแข่งขันในการให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์มีค่อนข้างสูงและอัตราค่าคอมมิชชั่นก็ยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นรายได้หลักของบริษัทซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 79% ของรายได้รวมในปี 2559 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมในสัดส่วนประมาณ 68% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ยังคงเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างน้อยเพียง 3% ของรายได้รวมในปี 2559 บริษัทพยายามเสนอบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสำหรับลูกค้าที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน อาทิ การให้บริการกองทุนส่วนบุคคลและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ ซึ่งบริษัทหวังจะได้ค่าบริการที่สูงกว่ารายได้ค่าธรรมเนียม
บริษัทมีความเสี่ยงด้านการตลาดไม่มากนักเนื่องจากบริษัทไม่มีนโยบายในการเก็งกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์แต่มีนโยบายในการป้องกันความเสี่ยงจากการออกขายหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured Notes) ในส่วนของความเสี่ยงด้านเครดิตนั้น สินเชื่อเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์คงค้างของบริษัทมีมูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 โดยยอดสินเชื่อดังกล่าวคิดเป็น 168% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทและคิดเป็นสัดส่วน 3.1% ของทั้งอุตสาหกรรม ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงสามารถควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตในส่วนนี้ได้ต่อไปโดยใช้เกณฑ์การเรียกหลักประกันเพิ่มและการบังคับขายที่เคร่งครัด รวมทั้งคงนโยบายการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันและการอนุมัติวงเงินที่เข้มงวด
ผลประกอบการของบริษัทขาดทุน 3 ล้านบาทในปี 2557 และขาดทุนอย่างต่อเนื่องจำนวน 28 ล้านบาทในปี 2558 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิ 108 ล้านบาทในปี 2556 เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท นอกจากนี้ โครงสร้างค่าใช้จ่ายของบริษัทก็มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายคงที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูงซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กำไรของบริษัทลดลงอย่างมากเมื่อรายได้ปรับตัวลดลง โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทคิดเป็น 73%-78% ของรายได้สุทธิในระหว่างปี 2554-2556 อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นเป็น 93% และ 99% ของรายได้สุทธิในปี 2557 และ 2558 ตามลำดับ ในขณะที่รายได้สุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของทั้งอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 54%-64% ต่อปีในระหว่างปี 2555-2558 ในปี 2559 อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทลดลงอยู่ที่ 88% ซึ่งทำให้บริษัทกลับมามีกำไรสุทธิ 8 ล้านบาท
บริษัทได้รับวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศหลายแห่งซึ่งทำให้บริษัทยังคงมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ที่เพียงพอต่อการดำเนินงาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับวงเงินกู้ยืมจากกลุ่มดีบีเอสที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินอีกส่วนหนึ่งด้วย ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทมีจำนวน 1,050 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2559 โครงสร้างเงินทุนซึ่งพิจารณาจากอัตราส่วนสินทรัพย์ที่ปรับตัวเลขแล้วต่อส่วนของผู้ถือหุ้นปรับตัวอยู่ที่ระดับ 234% ในปี 2559 ซึ่งไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรม ในขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิของบริษัทอยู่ที่ระดับ 27% ซึ่งยังคงสูงกว่าเกณฑ์ของทางการที่ 7%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงสถานะในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่มดีบีเอสและจะยังคงดำเนินงานโดยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจหลักทรัพย์ของกลุ่มดีบีเอสในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่องต่อไป
สถานะด้านเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในกรณีที่สถานะด้านเครดิตของกลุ่มดีบีเอสเปลี่ยนไปในทางลบ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกลุ่มที่ทำให้ระดับของการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเปลี่ยนแปลงไป
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (DBSVT)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง
ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html