- Details
- Category: บล.
- Published: Saturday, 01 July 2017 20:31
- Hits: 9510
Globlex Group ครบรอบ15 ปี เพิ่ม Platform การลงทุน-เล็งปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจหลักทรัพย์-สอดรับนโยบายการลงทุน 4.0
โกลเบล็ก กรุ๊ป ครบรอบ15 ปี ลุยปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจหลักทรัพย์ เพื่อสอดรับนโยบายการลงทุน 4.0 ด้าน ‘ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ‘ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก เดินหน้าปรับธุรกิจหลักทรัพย์เพื่อการลงทุนครบวงจร ดัน’เอกจักร บัวหภักดี’ เสริมทัพ ด้านวาณิชธกิจ รุกการให้บริการด้านตราสารหนี้ และนำหุ้น IPO เข้าเทรด พร้อมชู ความแข็งแกร่งด้านวิเคราะห์หลักทรัพย์ เน้นตอบโจทย์บทวิเคราะห์ กลุ่มmai แย้มครึ่งหลังปี 60 Platform เครื่องมือให้บริการด้านการลงทุน โดดเด่น
นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจ ในโอกาสครบรอบ 15 ปีว่า บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์การให้บริการด้านธุรกิจหลักทรัพย์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการปรับ Business Model โดยการเพิ่ม Platform การลงทุนในการรองรับธุรกิจยุคดิจิตอลให้มีความครบวงจรมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเดิม และ ขยายฐานลูกค้ารายใหม่ ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต และยังเป็นปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันธุรกิจโบรกเกอร์ในปัจจุบัน
โดยในครึ่งหลังของปี 2560 บล.โกลเบล็ก จะมีช่องทางการให้บริการหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะด้านสายงานวาณิชธกิจ ทั้งด้าน IPO รวมถึง ตราสารหนี้ – ตราสารทุน เพิ่มเข้ามา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญเรื่อง Fintech ในการนำเทคโนโลยีทางการเงินมาใช้ให้สอดรับกับการลงทุน4.0 แห่งโลกยุคดิจิตอล เพื่อประโยชน์สำหรับนักลงทุนยุคใหม่
“บล.โกลเบล็ก ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการซื้อขายในรูปแบบดิจิตอล เพื่อเป็น Platform ให้นักลงทุนมีทางเลือกเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น ทั้งด้าน ออนไลน์ ทั้งหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ อาทิ I2Trade , Stock Radar รวมถึง ระบบการซื้อขายอนุพันธ์โดยเฉพาะ หรือ MT4 ซึ่งช่องทางการซื้อขายดังกล่าวถือเป็นการตอบโจทย์ลูกค้า ที่มีความต้องการใช้บริการเทคโนโลยีด้านการลงทุนที่สะดวกรวดเร็ว”นายธนพิศาล กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มุ่งเน้นการหารายได้เพิ่มเติม ทั้งรายได้จากค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียม ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนด้านวาณิชธกิจ ตราสารหนี้ (Bond) ตราสารทุน(Equity Instruments) ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants : DW) ตราสารสิทธิที่ให้สิทธิแก่ผู้ซื้อหรือผู้ถือ (Options) ,ตลาดรองตราสารหนี้
การลงทุนของฝ่ายค้าตราสารทุนและอนุพันธ์ (Proprietary Trading) การหาลูกค้ากลุ่มเครดิตบาลานซ์ เพื่อสร้างรายได้ส่วนดอกเบี้ย Margin Loan และธุรกรรม block Trade ของฝ่ายตราสารอนุพันธ์
นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการให้บริการใหม่ สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศ โดยทางบล.โกลเบล็ก จะเป็นตัวกลางในการจับให้กับลูกค้า เข้าไปลงทุน ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในปี 2561 เพราะจะต้องศึกษาอย่างรอบครอบในแง่ของกฎเกณฑ์ และผลตอบแทนค่าคอมมิชชั่นต่างๆ
ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า สำหรับการให้บริการด้านวาณิชธนกิจ ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจหลักทรัพย์มีการขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทาง 'โกลเบล็ก' ส่งมอบภารกิจดังกล่าวให้รับผิดชอบ ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทฯได้เตรียมความพร้อมที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จำนวน 2 บริษัท
ประกอบด้วย ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งมีขนาดการระดมทุน ประมาณ 200-300 ล้านบาท และธุรกิจโรงพยาบาล มีขนาดการระดมทุน 300-500 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันทั้ง 2 บริษัทอยู่ในขั้นตอนในการเตรียมตัว และจะทำการยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟล์ลิ่ง) ได้ในช่วงปลายปี 2560 ซึ่งคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2561
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ในกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (SMEs)ในประเทศไทย ยังมีจำนวนอีกมาก ที่มีความต้องการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ดังนั้นมองว่าในอนาคต บล.โกลเบล็กจะมีดีลบริษัทใหม่ๆอีกหลายแห่ง ที่บริษัทฯจะเข้าไปเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ประกอบกับ บริษัทฯได้ให้ความสำคัญในการจัดทำบทวิเคราะห์ ของกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai ) ซึ่งนั่นก็จะเป็นการสนับสนุนกลุ่มลูกค้าบริษัทใหม่ๆที่จะเข้ามาให้เราเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์มากขึ้น
ขณะที่ นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 มีแนวโน้มดีกว่าครึ่งปีแรกโดยได้แรงหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายปี 60 ช่วงสุดท้ายก่อนปิดงวดในสิ้นเดือน ก.ย. การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐ และโครงการ EEC และการประมูลโครงการขนาดใหญ่ภาครัฐเดินหน้าตามแผนและมีความชัดเจนมากขึ้น
รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้บริโภค การเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวช่วยหนุนภาคท่องเที่ยว รวมทั้งเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำยังไม่กดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งการ Roadmap เลือกตั้งในช่วงปลายปี 2560
“ปัจจัยลบที่มีผลต่อการลงทุนในครึ่งหลังปี คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ในช่วงปลายปี 2560 ต่อเนื่องจนถึงปลายปี 61 และการปรับลดขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของ FED ในการลดวงเงินการถือครองพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS)”นางสาววิลาสินี กล่าว
แนะนำจับตาการใช้มาตรการ QE ที่ระดับ 60,000 ล้านยูโร/เดือนของ EU จะหมดอายุปลายปี 2560 และ Fund Flow ที่ยังคงผันผวนจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย และการปรับลดงบดุล ของ FED รวมถึงปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซน อาทิ การเลือกตั้งเยอรมัน อิตาลี รวมทั้งภาระหนี้ครัวเรือนและโครงสร้างประชากรที่มีผู้สูงอายุมากขึ้นกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้เป็นไปอย่างระมัดระวัง
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกรอบกรอบดัชนีในครึ่งปีหลัง 60 ไว้ที่ระดับ 1,500 – 1,740 จุด บนสมมติฐาน GDP 3 – 4% และ P/E ที่ 13 – 15 เท่า โดยคาดว่าเม็ดเงินต่างชาติมีแนวโน้มจะไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดซื้อสุทธิราว 8 พันล้านบาท ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวขึ้นผ่านโครงการลงทุนภาครัฐ ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดระดับสูง การมี Roadmap การเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2560 รวมถึงค่า PER ตลาดหุ้นไทย (16 เท่า) ต่ำกว่า PER ตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ เช่น PER ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย 23 เท่า ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ 22 เท่า
ความเสี่ยงจากการลดขนาดงบดุล รวมถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED จะทำให้ Fund Flow มีแนวโน้มเข้าลงทุนในตลาดตราสารหนี้ จึงแนะนำกลยุทธ์ Selective Buy หุ้นรายตัวที่น่าสนใจในตลาด mai ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยแนะนำ ‘ซื้อ’ หุ้น BIZ ราคาเหมาะสม 5.13 บาท ซึ่งคาดกำไรไตรมาส 2/2560 มีแนวโน้ม เติบโตกว่า 5 เท่าตัวจากไตรมาสก่อนสู่ระดับ 24 ล้านบาท จากรายได้จากการส่งมอบงานที่คาดว่าจะสูงขึ้น และคาดไตรมาส 3 รายได้จะเติบโตต่อจากการทยอยส่งมอบงาน
และหุ้น LIT แนะนำ 'ซื้อ' ราคาเหมาะสม 14.20 บาท ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-bank ที่มี สัญญาณการเติบโตของสินเชื่ออยู่ในระดับสูง พอร์ตสินเชื่อ ณ ปลาย ไตรมาส 1/2560 เติบโต 69% จากปีก่อนสู่ระดับเกือบ 2 พันล้านบาท ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 60 เติบโต 49% เป็น 150 ล้านบาท คาดกำไรมีแนวโน้มทำสถิติสูงสุดใหม่ในทุกไตรมาสของปีนี้ และคาดกำไรปี 61 เติบโตต่อเนื่องอีกราว 26% เป็น 188 ล้านบาท
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำโดยเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก โดยการแกว่งตัวยังคงเป็นไปตามปัจจัยบวกลบที่มีผลต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังระหว่าง 1,100 – 1,400 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เนื่องจากยังคงมีปัจจัยกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed โดยพิจารณาอัตราเงินเฟ้อและสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯเป็นปัจจัยสำคัญนั้นเป็นสิ่งที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว แต่การตัดสินใจปรับลดขนาดงบดุลของ Fed ยังมีความไม่ชัดเจนทั้งลักษณะ วิธีการ และระยะเวลา ซึ่งจะส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดลดลง ราคาทองคำในฐานะสินค้าโภคภัณฑ์จึงได้รับผลกระทบทางลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความพยายามของสหรัฐฯในการกดให้ดอลลาร์อ่อนค่า และความเสี่ยงจากฝั่งยุโรปในกรณีปัญหาหนี้สาธารณะ การทำประชามติแยกตัวจากกลุ่ม และการเจรจา Brexit ยังเป็นประเด็นบวกต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนราคาทองคำในประเทศมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบน้อยลงจากการแข็งค่าของเงินบาท เว้นแต่ภาวะหนี้ครัวเรือนจะผ่อนคลายลงและการลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น นอกจากนี้ หากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของญี่ปุ่นมีความต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปีอาจทำให้ BOJ เริ่มแสดงท่าทีว่าจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน ซึ่งต้องติดตามดูในช่วงปลายปีนี้
จากปัจจัยดังกล่าวในข้างต้น ทางบล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนทองคำ รอจังหวะซื้อขายเป็นรอบตามการเคลื่อนตัวของราคาระยะ 1 – 3 เดือน ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน เพราะเป็นการล้อไปตามแนวโน้มราคาและลดความเสี่ยงของค่าเงินที่ผันผวน ดังนั้น ควรเน้นขายทำกำไรในช่วงราคาเหนือ 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และเข้าซื้อสะสมเมื่อราคาลงมาต่ำกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ในขณะที่ช่วงราคาระหว่าง 1,200 – 1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น