- Details
- Category: บล.
- Published: Saturday, 28 January 2017 22:21
- Hits: 6224
MBKET ตั้งเป้าปี 60 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 15% มาร์เก็ตแชร์สูงขึ้นเป็น 9-10%
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) ตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เพิ่มขึ้นเป็น 9-10% และจะมุ่งขยายฐานนักลงทุนเพิ่มอีก 2.5 หมื่นบัญชี พร้อมรักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 จาก ณ ต้นปีนี้บริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ 8.8% และมีบัญชีลูกค้าราว 1.92 แสนบัญชี
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MBKET เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ที่ 9-10% จากปัจจุบันที่ 8.80%โดยหวังขยายฐานบัญชีเพิ่มขึ้นอีก 2.5 หมื่นบัญชี หรือมีฐานลูกค้าไม่ต่ำกว่า 2 แสนบัญชี จากปัจจุบันที่ 1.92 แสนบัญชี คิดเป็นลูกค้าที่เทรดผ่านผู้แนะนำการลงทุน (IC) และเทรดผ่านระบบออนไลน์อย่างละครึ่ง ซึ่งคาดว่าลูกค้าในกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาสร้างรายได้ของบริษัทฯให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ บุคลากรและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพโดยบริษัทฯพร้อมดูแลพนักงานอย่างดีที่สุด อีกทั้งยังมีความพร้อมในทุกๆด้าน ควบคู่กับการเย้นการรักษาทาตรฐานการให้บริการที่ยอดเยี่ยมผลงานวิจัยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ และการันตีได้จากรางวัลมากมาย อีกทั้งยังมีการลงทุนด้านระบบ ไอที คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 590 ล้านบาท โดยเมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป แต่งตั้งให้ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นศูนย์พัฒนานวัตกรรมกลุ่มเมย์แบงก์ของทั้งภูมิภาคอีกด้วย
ปีนี้บริษัทฯจะเน้นการขยายงานด้านธุรกิจออนไลน์ บิสสิเนส โดยเชื่อว่าโลกแห่งอนาคตจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์ ดิจิตอลมากขึ้น บริษัทฯจึงยกระดับการให้บริการฟินเทคที่จะเข้ามาพลิกโฉมการให้บริการด้วยการเน้นการทำการตลาดผ่านออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง การปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย การเพิ่มสินค้า และบริการ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในรูปแบบ One mobile One stop Service เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวบริการ "Maybank Kim Eng Trading" กับการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโรปแกรม LINE สะสมค่าคอมมิชชั่นแลกรับรางวัล และอยู่ระหว่างพัฒนาบริการ Personalized คือบริการส่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า ที่ประมวลผลจากความสนใจของลูกค้า ที่จะให้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า และแคมเปญ "Tiger Points" แลกแต้มเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชมการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน ประเทศสิงคโปร์ อีกด้วย
ด้านสายงานวาณิชธนกิจ (IB) ปัจจุบันบันบริษัทฯเป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ต่ำกว่า 10 ดีล โดยมีมูลค่าการระดมทุนไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท โดยประกอบด้วยธุรกิจที่น่าสนใจและหลากหลาย อาทิ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ โรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้ผลิตแร่และเรมีรายใหญ่ของเอเชีย ผู้ผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนระยนต์ ทั้ง OEM และ REM ผู้ให้บริการท่าเรือและขนส่ง ผู้จัดงานแสดงสินค้าและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ปัจจุบันได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ไปแล้ว 4 บริษัท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยยื่นขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า นอกจากนี้ยังมีงานที่ปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (M&A) และการสนับสนุนเงินกู้ของธนาคาร เมย์แบงก์ แก่ธุรกิจไทย เพื่อขยายกิจการในภูมิภาคอาเซียนอีกจำนวนหนึ่ง
ทางด้านธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทฯมีแผนจะทำ Structured Note เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนรับหุ้นและดอกเบี้ยที่ผันผวน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (Derivative Warrant) บน SET50 เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุน ซึ่งบริษัทฯเห็นว่ายังสามารถขยายฐานลูกค้าได้อีก โดยเฉพาะการนำมาใช้บริการความเสี่ยงจากความกังวลภาวะตลาดขาลง โดยเน้การให้ความรู้ด้านกลยุทธ์แก่ผู้ลงทุน
ส่วนบริการ Offshore Trading ก็มีแนวโน้มที่ดี โดยบริษัทฯเดินหน้าให้ความรู้และขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือแลเครือข่ายด้านการลงทุนของเมย์แบงก์กิมเอ็ง กรุ๊ป ทำให้บริษัทมีความพร้อมในการให้บริการเทรดหุ้นในตลาดต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์และมาเลเซีย
นายมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯได้เสริมคงามแข็งแกร่งโดยการเสริมทัพสายงานบริหาร ด้วยการแต่งตั้งนางสุดธิดา จิระพัฒน์สกุล รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และนายสิทธิพร ศรกาญจน์ เข้ามาร่วมในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยทั้ง 2 ท่านจะดูแลสายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย อีกทั้งได้ผู้บริหารหนุ่มไฮเทค นายธวัท วงศ์ชูแก้ว กลับมาร่วมงานในบริษัทฯอีกครั้งในต่ำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานธุรกิจออนไลน์บิสเนส เพื่อเสริมทัพทีมบริหารให้แข็งแกร่ง และเดินหน้าธุรกิจปี 60 อย่างเต็มที่
อินโฟเควสท์
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เสริมทัพ เปิดตัวผู้บริหารชุดใหม่ มั่นใจครองแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องอีกยาวนาน
เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ดึงมือดีร่วมงานเสริมทัพสายงานบริหาร เพิ่มความแข็งแกร่งรับมือศึกรอบด้านในปี 2560 ไม่หวั่นการซื้อตัวข้ามโบรก มั่นใจดูแลพนักงานอย่างดีที่สุด พร้อมรับข่าวดีตั้งแต่ต้นปี กับความสำเร็จครองแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 มั่นใจเดินหน้าให้บริการทางด้านการลงทุนและหลักทรัพย์ที่หลากหลาย ครอบคลุม 2 ธุรกิจหลัก ทั้งธุรกิจการซื้อขายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ ให้ก้าวไปด้วยกันอย่างมั่นคง มุ่งขยายฐานลูกค้าและรักษามาร์เก็ตแชร์ครบทุกกลุ่ม ตั้งเป้าดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15 % ในปี 2560
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET เปิดเผยว่า เริ่มต้นปีด้วยความแข็งแกร่ง เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประกาศเสริมทัพสายงานบริหาร ด้วยการแต่งตั้ง คุณสุดธิดา จิระพัฒน์สกุล รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และคุณสิทธิพร ศรกาญจน์ เข้ามาร่วมงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ โดยทั้ง 2 ท่านจะดูแลสายงานธุรกิจหลักทรัพย์รายย่อย อีกทั้งยังได้ผู้บริหารหนุ่มไฮเทคอย่างคุณธนัท วงศ์ชูแก้ว กลับมาร่วมงานกับ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง อีกครั้งในตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานธุรกิจออนไลน์บิสสิเนส เพื่อเสริมทัพทีมบริหารให้แข็งแกร่ง และพร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 2560 แบบเต็มกำลัง
ปัจจุบัน บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นโบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด โดยมีส่วนแบ่งการตลาด ในปี 2559 อยู่ที่ 8.15% และในช่วงต้นปี 2560 นี้จนถึงวันที่ 20 ม.ค. อยู่ที่ 8.80% ฐานลูกค้าที่เปิดบัญชีกับเราประมาณ 192,000 บัญชี คิดเป็นลูกค้าที่เทรดผ่านผู้แนะนำการลงทุน (IC) และเทรดผ่านระบบออนไลน์อย่างละครึ่ง ซึ่งคาดว่าลูกค้าในกลุ่มนี้จะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ แบ่งเป็นด้านโบรกเกอร์ร้อยละ 71 ดอกเบี้ยรับร้อยละ 24 และอื่นๆอีกร้อยละ 5 นอกจากนี้เรายังดูแลสินทรัพย์ของลูกค้ามูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง การันตีได้จาก ฟิทซ์ เรตติ้ง ประเทศไทย (Fitch Ratings) ปรับอันดับความน่าเชื่อถือ AA+ ซึ่งเทียบเท่ากับธนาคารชั้นนำของไทย 4 แห่ง พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังได้รับรางวัล จาก อัลฟ่าเซาธ์อีสท์เอเชีย (Alpha Southeast Asia) ถึง 2 รางวัล ได้แก่ โบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าบุคคล (2550-2559) และโบรกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษ ด้านลูกค้าสถาบัน (2550-2559) อีกด้วย
สำหรับปี 2560 เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มุ่งหวังขยายฐานนักลงทุนเพิ่มอีก 25,000 บัญชี ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ 9 -10% และคาดหวังรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% พร้อมรักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ปัจจุบันเมย์แบงก์ กิมเอ็ง มีสาขาทั้งหมด 59 สาขา แบ่งเป็น สาขาในกรุงเทพ 36 สาขา และ ต่างจังหวัด 23 สาขา ในปี 2560 จะไม่เน้นการขยายสาขา เพราะพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนหันมาใช้ระบบเทรดออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีแนวโน้มที่จะเปิด ไซเบอร์ บรานส์ (Cyber branch) มากกว่าการเปิดสาขาเต็มรูปแบบ
โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะเข้ามาสร้างรายได้ของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ บุคลากรและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพโดยบริษัทฯ พร้อมดูแลพนักงานอย่างดีที่สุด อีกทั้งยังมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ควบคู่กับการเน้นรักษามาตรฐานการให้บริการที่ยอดเยี่ยม ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับ และการันตีได้จากรางวัลมากมาย อีกทั้งเรายังมีการลงทุนด้านระบบ ไอที คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 590 ล้านบาท โดยเมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป แต่งตั้งให้ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นศูนย์พัฒนาด้านนวัตกรรม (Innovation Lab) ของกลุ่มเมย์แบงก์ของทั้งภูมิภาคอีกด้วย โดยเป้าหมายหลักในการขายทางธุรกิจที่บริษัทฯ จะให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในปีนี้คือ ธุรกิจออนไลน์ บิสสิเนส เพราะเราเชื่อว่าโลกแห่งอนาคตจะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคออนไลน์ ดิจิตอลมากขึ้น
เราจึงยกระดับการให้บริการฟินเทค (Financial Technology) ที่จะเข้ามาพลิกโฉมหน้าบริการทางการเงินให้ก้าวล้ำนำหน้าไปอีกขั้น ด้วยการเน้นทำการตลาดในรูปแบบออนไลน์ มาร์เก็ตติ้ง การปรับภาพลักษณ์องค์กรให้ดูทันสมัย การเพิ่มสินค้าและบริการ โดยทำการตลาดบนพื้นฐานของเทคโนโลยียุคใหม่ นำเสนอด้วยโซเชียลมีเดียที่จะมาพร้อมกันทุกแพลตฟอร์ม รองรับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ พีซี , โน้ตบุ๊ค , ไอแมค , แมคบุ๊ค และสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว ในรูปแบบ One mobile One stop Service โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดตัวบริการ “Maybank Kim Eng LINE Trading” กับการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น บนหน้าจอสมาร์ทโฟน ผ่านโปรแกรม LINE สะสมค่าคอมมิชชั่น แลกรับรางวัลใหญ่ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่นั่ง VIP BOX เพื่อชมการแข่งขันฟุตบอลทีมแมนเชตเตอร์ ยูไนเต็ด ณ สนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และที่กำลังจะมีตามมาในอนาคตคือ บริการ ‘Personalized’คือบริการส่งข้อมูลอันเป็นประโยชน์ให้กับลูกค้า ที่ประมวลผลจากความสนใจของตัวลูกค้าเอง ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด และแคมเปญ ‘Tiger Points’แลกแต้มเพื่อแลกตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ชมการแข่งขัน ฟอร์มูล่าวัน ประเทศสิงคโปร์ อีกด้วย
ด้านสายงานวาณิชธนกิจ (IB) ยังคงเดินหน้าสร้างผลงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกมากกว่า 10 บริษัท คิดเป็นมูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท โดยประกอบด้วยธุรกิจที่น่าสนใจและหลากหลาย อาทิ โรงงานไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ โรงไฟฟ้าชีวมวล ผู้ผลิตแร่และเคมีรายใหญ่ของเอเชีย ผู้ผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทั้ง OEM และ REM ผู้ให้บริการท่าเรือและขนส่ง ผู้จัดงานแสดงสินค้าและบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว 4 บริษัท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยยื่นขออนุญาตต่อสำนักงาน กลต. ในปีนี้และต้นปีหน้า นอกจากนี้ยังมีงานที่ปรึกษาด้าน M&A และการสนับสนุนเงินกู้ของธนาคาร เมย์แบงก์ แก่ธุรกิจไทย เพื่อขยายกิจการไปในภูมิภาคอาเซียนอีกจำนวนหนึ่ง ทางด้านธุรกิจตราสารอนุพันธ์ บริษัทฯ มีแผนที่จะทำ Structured Note เพื่อเพิ่มทางเลือกในการลงทุนรับมือหุ้น และดอกเบี้ยที่ผันผวน และการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์อนุพันธ์ (Derivative Warrants) บน SET 50 เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนให้แก่ผู้ลงทุน บริษัทฯเห็นว่าก็ยังคงสามารถขยายฐานลูกค้าออกไปได้อีก โดยเฉพาะในด้านการนำมาใช้เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงจากความกังวลในภาวะตลาดขาลง ซึ่งบริษัทจะพยายามเน้นการให้ความรู้ด้านกลยุทธ์แก่ผู้ลงทุน สำหรับบริการ Offshore Trading ก็มีแนวโน้มที่ดี เราจึงเดินหน้าให้ความรู้และขยายฐานนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ด้วยความร่วมมือและเครือข่ายด้านการลงทุนของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง กรุ๊ป ทำให้เราพร้อมเดินหน้าให้บริการการเทรดหุ้นในตลาดต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย อย่างเต็มที่
“ด้วยความแข็งแกร่งของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บวกการสนับสนุนของธนาคารระดับโลก อย่างธนาคารเมย์แบงก์ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ถือเป็นส่วนที่ช่วยผลักดันให้เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เป็นโบรกเกอร์ที่แข็งแกร่ง อีกทั้งกลุ่มเมย์แบงก์ ยังให้การสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (Margin loan) ให้กับ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นวงเงินสูงถึงประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท จึงทำให้เรามีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินเป็นอย่างมาก ผมเชื่อมั่นว่าด้วยบุคลากรและความพร้อมในทุกด้านของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จะสามารถทำให้บริษัทฯ รักษาแชมป์โบรกเกอร์อันดับ 1 ในปีนี้ให้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 และสู้ศึกการแข่งขันรอบด้านได้อย่างแน่นอน”คุณมนตรี กล่าวทิ้งท้าย
**************************************
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) โทร. 02-658-6300 ต่อ 7401 – 7403 / เปรียว (ศรุตา) 081-722-8870