- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 10 January 2017 14:32
- Hits: 3640
'โกลเบล็ก'เป้าปี 60 ครองมาร์เก็ตแชร์แตะ 3 % จัดกลยุทธ์รับศึก ญี่ปุ่น-จีน-อังกฤษรุกธุรกิจโบรกเกอร์ไทย
บล.โกลเบล็ก (GBS) มองปี 60 ธุรกิจโบรกเกอร์แข่งขันสูง จากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ ญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ เหตุมองว่าตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 5 หมื่นบาท ด้าน 'ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GBS ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์แตะ 3.00% ขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับที่ 15 จากหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ และการหาพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับกับปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น แย้มอยู่ระหว่างศึกษานำหุ้นไอพีโอเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ 2-3 บริษัทคาดมีความชัดเจนในเร็วๆนี้
นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯปี 2560 ธุรกิจหลักทรัพย์มีแนวโน้มมีการแข่งขันสูงมากขึ้นจากที่คาดว่าจะมีบริษัทหลักทรัพย์จากต่างประเทศเข้ามาในอุตสาหกรรมอย่างน้อย 3 รายจาก ญี่ปุ่น จีน และอังกฤษที่จะเข้ามาทำตลาดในไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบระบบทำการซื้อขายและเตรียมความพร้อมเข้ามาทำตลาด คาดว่าจะมีการขออนุญาตกับสำนักงานก.ล.ต.ในปี 2560
ทั้งนี้ มองว่าสาเหตุธุรกิจหลักทรัพย์ของไทยมีผู้ที่สนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้นนั้น เนื่องจากทิศทางมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของประเทศไทยอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆหรือในระดับเฉลี่ยต่อวันมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท และในส่วนของค่าคอมมิชชั่นยังแข่งขันได้
นอกจากนี้ มองว่าการทำธุรกิจหลักทรัพย์ในอนาคตมีลักษณะพึ่งพิงนวัตกรรมมากขึ้นไม่ได้มีรูปแบบให้บริการครบวงจรเหมือนกับผู้เล่นรายเดิม โดยอาจให้บริการในรูปใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์โดยเฉพาะหรือการให้บริการซื้อขายในรูปแบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะไม่กระทบการแย่งชิงเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนเหมือนในอดีต
“ปีหน้ายังมีอุปสรรคที่บริษัทหลักทรัพย์ต้องเผชิญในอนาคตได้แก่การปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก คือ ลูกค้าหน้าใหม่เริ่มเล่นหุ้นมีความต้องการความช่วยเหลือจากบริษัทหลักทรัพย์ค่อนข้างมากทั้งในด้านความรู้และข้อมูล ลูกค้ารายใหญ่มีความต้องการระบบซื้อขายที่มีประสิทธิภาพสูง ความต้องการซื้อขายหุ้นที่อยู่ในต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติต้องการระบบการซื้อขายที่รองรับการซื้อขายที่รวดเร็ว ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์ต้องปรับตัวให้ทันกับสภาวะดังกล่าว”นายธนพิศาล กล่าว
ดังนั้น บริษัทฯมีเป้าหมาย market share ในปี 2560 ที่ 3.00% จากปัจจุบัน ณ ธ.ค. 59 บริษัทมี market share อยู่ที่ 2.38% อันดับที่ 20 และรักษาระดับในกลุ่ม top 15 จาก 36 โบรกเกอร์ ทั้งนี้ แผนการรักษาระดับมาเก็ตแชร์ มาจาก 2 ส่วน คือ 1. การสร้างฐานรายได้ใหม่ ได้แก่ จัดหาเจ้าหน้าที่การตลาดเพิ่มเติม / กลุ่ม ลูกค้า High net worth และ2. การหาพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับกับปริมาณการซื้อขายฯ หลากหลายช่องทาง อาทิ IVIP / SETTRADE / I2TRADE / STOCK RADAR และ MT4 นอกจากนี้ ยังเพิ่มธุรกรรมที่สนับสนุนปริมาณการซื้อขายฯ ในส่วนธุรกิจหลักทรัพย์ ได้แก่ Block Trade/SBL และการจัดหา หลักทรัพย์ และวงเงินกู้ยืมใน เครดิตบาลานซ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มว่า ในส่วน 'โกลเบล็ก'เอง มีการพัฒนาระบบการซื้อขาย Platfrom ใหม่ๆ เพื่อให้นักลงทุนมีทางเลือกเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเน้น Platfrom ด้านออนไลน์ ทั้งหลักทรัพย์ และอนุพันธ์ เพิ่มเติม อาทิ I2Trade , Stock Radar รวมถึง ระบบการซื้อขายอนุพันธ์โดยเฉพาะ หรือ MT4 ซึ่งเริ่มให้บริหารตั้งแต่ปลายปี 2558 นี้ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ การลงทุนของนักลงทุนได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯมุ่งเน้นการขยายการตลาดส่วนกลางมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ายึดมั่นในการให้บริการของตัวบริษัท ภายใต้การควบคุมต้นทุน และจำนวนทรัพยากรบุคคล เพื่อยังรักษาความสัมพันธ์ที่เหมาะสมของบริษัทระหว่าง / ตัวกลาง (เจ้าหน้าที่การตลาด) / ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทั้งฐานส่วนกลางบริษัท และลูกค้าของส่วนเจ้าหน้าที่การตลาดได้รับบริการอย่างครบครัน เหมาะสมกับภาวะการแข่งขันของธุรกิจหลักทรัพย์ โดยเฉพาะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มช่องทางที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าเข้าถึงบริษัทได้มาขึ้น และการอบรมการให้บริการของผู้ติดต่อลูกค้าเป็นสำคัญ
รวมทั้งมุ่งเน้นการหารายได้เพิ่มเติม อาทิ รายได้จากค่าที่ปรึกษาและค่าธรรมเนียม ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน IB และฝ่ายค้าตราสารทุน (Bond) การเพิ่มธุรกรรมการลงทุนใน DW, Options และการรักษาความเสี่ยงด้านการลงทุนของฝ่ายค้าตราสารทุนและอนุพันธ์ (Proprietary Trading) การหาลูกค้ากลุ่มเครดิตบาลานซ์ เพื่อสร้างรายได้ส่วนดอกเบี้ย Margin Loan และธุรกรรม block Trade ของฝ่ายตราสารอนุพันธ์ โดยเริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2559
ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในปี 2560 แม้เศรษฐกิจไทยปี 2560 มีแนวโน้มปรับดีขึ้นจากปี 2559 แต่คาดว่าจะยังไม่เห็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีปัจจัยอื่นที่มีน้ำหนักมากกว่าได้แก่การที่ธนาคารกลางสหรัฐมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปี 2560 ประกอบกับนโยบายของนายทรัมป์ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐในการดึงเงินกลับสหรัฐ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าส่งผลให้ Fund flow มีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นของประเทศเกิดใหม่สู่ตลาดหุ้นสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังไม่มีแผนนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในปี 2560 แม้ว่ายังคงอยู่ในกระบวนการเริ่มศึกษาข้อมูลอยู่ 2-3 บริษัท หากมีความชัดเจนจึงสามารถแจ้งประเภทธุรกิจได้ อย่างไรก็ตามในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทพยายามจัดหาในส่วน co-lead underwriter และมีการร่วมกว่า 10 หลักทรัพย์ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ลูกค้าของบริษัทในส่วนงานวาณิชธนกิจของบริษัทได้อย่างมาก