- Details
- Category: บล.
- Published: Thursday, 29 December 2016 11:38
- Hits: 5015
บล.แอพเพิล เวลธ์ ผ่ามุมมอง SET INDEX ปี”60 ผันผวนในกรอบ 1,400 -1,600 จุด
พื้นฐานเศรษฐกิจสุดแกร่ง! เลือกตั้งปลายปีหนุน แต่นโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ เสี่ยงกดดัน แนะสอยหุ้น 'กลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี-สินค้าโภคภัณฑ์-รับเหมาก่อสร้าง'เข้าพอร์ต
บล.แอพเพิล เวลธ์ มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยปีไก่ทอง ผันผวนในกรอบ 1,400 - 1,600 จุด ชี้ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจสุดแกร่ง เลือกตั้งปลายปีหนุน แถม P/E ยังถูกกว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ แนะจับตาปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายเศรษฐกิจทรัมป์ ทำ Fund Flow ไหลออก แถมการเมืองในยุโรปกดดัน แนะเก็บหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี สินค้าโภคภัณฑ์ รับเหมาก่อสร้างเข้าพอร์ต
นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2559 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดช่วงเดือน ม.ค. ขึ้นไปทำจุดสูงสุดช่วงเดือน ส.ค. บริเวณ 1,550 จุด โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติราว 7 หมื่นล้านบาท และแรงซื้อจากพอร์ตโบรกเกอร์ 2.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในช่วงเดือน ต.ค. – ธ.ค. ที่ผ่านมา เริ่มเห็นสัญญาณขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP (ไทย-อินโดนีเซีย -ฟิลิปปินส์) เนื่องจากความกังวลต่อนโยบายเศรษฐกิจนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปี 2560
สำหรับ แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET INDEX) ในปี 2560 คาดว่าจะผันผวนในกรอบ 1,400 - 1,600 จุด เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ จะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสฟื้นตัว ส่งผลให้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.125 % ซึ่งน่าจะส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ โดยหากพิจาณาความสัมพันธ์ดัชนี MSCI Asia Pacific Ex. Japan และ อัตราดอกเบี้ย Fed Fund Rate จะเห็นได้ว่าหากดอกเบี้ยสหรัฐปรับตัวขึ้น น่าจะส่งผลลบให้ดัชนี MSCI Asia Pacific Ex. Japan ยังมีทิศทางผันผวนเชิงลบ เนื่องจากเงินทุนในตลาดพันธบัตรและตลาดทุนมีโอกาสไหลกลับไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ตอบแทนสูงกว่าในรูปดอลลาร์สหรัฐ
"สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาในการลงทุนปี 2560 คือนโยบายเศรษฐกิจใหม่ของนายทรัมป์ ที่เน้นไปที่การสร้างงานในประเทศสหรัฐผ่านแนวทางปรับลดภาษีนิติบุคคล, ภาษีเงินได้ส่วนบุคคล , นโยบายยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้วยวงเงินสูงสุด 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และปรับข้อตกลงการค้ากับประเทศคู่ค้าใหม่เพื่อลดการขาดดุลทางค้า รวมทั้งการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ ที่คาดการณ์ขึ้นดอกเบี้ยปีหน้าอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25 % มากกว่าเดิมที่คาดจะขึ้น 2 ครั้ง รวมทั้ง Fund Flow อาจจะยังไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวแรงกว่าคาด ขณะที่ประเด็นการเลือกตั้งในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส (เลือกตั้งประธานาธิบดี เม.ย – พ.ค. ) , เยอรมัน (เลือกตั้งทั่วไป ส.ค. – ต.ค. ) ซึ่งหากผลการเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้ง มีโอกาสที่จะเห็นการใช้นโยบายเชิงชาตินิยมและการขอออกจากสหภาพยุโรป"นายอภิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในปี 2560 ยังมีปัจจัยบวกจากภาพรวมภาวะเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งคาดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2559 จำนวน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, หนี้สิน / GDP อยู่ที่ระดับ 34.8 % และระดับหนี้ NPL ต่ำกว่าระดับ 3 % ขณะที่การเมืองไทยหลังจากรัฐธรรมนูญ ผ่านประชามติน่าจะส่งผลบวกต่อการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ และสร้างระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อนักลงทุนในช่วงปลายปี 2560
นอกจากนี้ Valuation ดัชนี SET ระดับปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ Forward P/E 14 เท่า และอัตรา Earning Growth ที่ราว 11 % เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP นั้นดัชนีหุ้นไทยถูกกว่าตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ที่ซื้อขายที่ระดับ Forward P/E 15.6 เท่า และมี Earning Growth ที่ 7.8 % ประกอบกับ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติได้ไหลออกจากตลาดหุ้นในช่วงปี 2557-2558 ราว 3 แสนกว่าล้านบาท ส่งผลแรงขายนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยมีค่อนข้างจำกัด และเริ่มเห็นการเข้าซื้อสะสมหุ้นไทยของต่างชาติในปี 2559 จำนวน 7 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ Downside Risk ของดัชนีหุ้นไทยค่อนข้างน้อยในกรณีตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 2560 แนะนำซื้อลงทุนกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK , STEC , UNIQ , SEAFCO , PYLON ได้ปัจจัยบวก Acton Plan งบลงทุนกระทรวงคมนาคมปี 2560 จำนวน 8.95 แสนล้านบาท กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี PTT , PTTEP , PTTGC , BCP , IRPC , IVL จากอานิสงส์แนวโน้มขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น STA , KBS , BRR , UVAN , UPOIC , CPI