WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

GBSวลาสน'โกลเบล็ก'มองหุ้นไทยเด้งรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ให้กรอบดัชนี 1,510-1,550 จุด- แนะเก็งกำไรกลุ่มหุ้นค้าปลีก

       กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยได้แรงบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากกลุ่ม OPEC และ Non OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต  และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ประเมินดัชนีผันผวนในกรอบ 1,510-1,550 จุด  แนะลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก อานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ได้แก่ HMPRO, SYNEX, CPN, BJC, MC, ROBINS ด้านราคาทองคำปรับลดลงต่อจากแรงกดดันคาดการณ์เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีแนวรับ 1,150-1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,185-1,190 เหรียญต่อทรอยออนซ์

       น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศในเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากกลุ่ม OPEC และ Non OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 558,000 บาร์เรลต่อวันในวันที่ 10 ธ.ค. เพิ่มเติมจากที่กลุ่ม OPEC ตกลงลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อ 30 พ.ย. และการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ออกมาดี ได้แก่ ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 10.8% สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 10% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี  ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 59 ขยายตัว 6% เมื่อเทียบรายปี ประกอบกับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจากแรงซื้อกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี

      ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจาก FED มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อ fund flow และสัปดาห์หน้าธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมประกาศตัวเลข GDP ที่ทบทวนใหม่ในการประชุมกนง. ครั้งสุดท้ายของปีหลังจากตัวเลขการส่งออก 10 เดือนแรกปี 59 หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดและจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงมากกว่า 2 แสนคน

      อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 14 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ  และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์  วันที่ 15 ธ.ค.(ช่วงเช้า)คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)  แถลงมติอัตราดอกเบี้ย  สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์  อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และสหรัฐ และอียูมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.

      ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของราคาน้ำมันหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน  เม็ดเงินจาก LTF RMFในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยมีความกังวลต่อกระแสคาดกาณ์ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกดดันทิศทางดัชนี

      ดังนั้นประเมินว่า SET ในสัปดาห์จะแกว่งตัวผันผวนค่อนข้างมากในกรอบ 1,510-1,550 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มหุ้นค้าปลีก อานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี แนะนำ HMPRO, SYNEX, CPN, BJC, MC และ ROBINS

     สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า  ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง $19/Oz หรือคิดเป็น 1.61% ปิดที่ระดับ $1,157/Oz  โดยราคาทองยังโดนแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.ทราบผล 15 ธ.ค. ช่วงเช้า โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

     ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3  รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน สิ้นสุดเดือนธ.ค.2017  ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสร้างแรงกดดันต่อทองคำ

     สำหรับแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาแกว่งตัวออกข้างใต้แรงกดดันแนวต้านเส้น 5 และ10 วัน ขณะที่แนวโน้มลงยังกดดันอยู่  ทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลง  อย่างไรก็ตามค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะขายมาก จะช่วยลดแรงถ่วงให้ราคาปรับลงไม่มาก โดยมีแนวรับ 1,150-1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,185-1,190 เหรียญต่อทรอยออนซ์

'โกลเบล็ก'มองหุ้นไทยเด้งรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ให้กรอบดัชนี 1,510-1,550 จุด- แนะเก็งกำไรกลุ่มหุ้นค้าปลีก

     บล.โกลเบล็ก เผยหุ้นไทยได้แรงบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากกลุ่ม OPEC และNon OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ประเมินดัชนีผันผวนในกรอบ 1,510-1,550 จุด แนะลงทุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก อานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี ได้แก่ HMPRO, SYNEX, CPN, BJC, MC, ROBINS ด้านราคาทองคำปรับลดลงต่อจากแรงกดดันคาดการณ์เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีแนวรับ 1,150-1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,185-1,190 เหรียญต่อทรอยออนซ์

     น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศในเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากกลุ่ม OPEC และNon OPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 558,000 บาร์เรลต่อวันในวันที่ 10 ธ.ค. เพิ่มเติมจากที่กลุ่ม OPEC ตกลงลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อ 30 พ.ย. และการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ออกมาดี ได้แก่ ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 10.8% สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 10% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 59 ขยายตัว 6% เมื่อเทียบรายปี ประกอบกับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจากแรงซื้อกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี

      ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจาก FED มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อ fund flow และสัปดาห์หน้าธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมประกาศตัวเลข GDP ที่ทบทวนใหม่ในการประชุมกนง. ครั้งสุดท้ายของปีหลังจากตัวเลขการส่งออก 10 เดือนแรกปี 59 หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดและจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงมากกว่า 2 แสนคน

     อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 14 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 15 ธ.ค.(ช่วงเช้า)คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และสหรัฐ และอียูมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.

     ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของราคาน้ำมันหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เม็ดเงินจาก LTF RMFในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยมีความกังวลต่อกระแสคาดกาณ์ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกดดันทิศทางดัชนี

      ดังนั้น ประเมินว่า SET ในสัปดาห์จะแกว่งตัวผันผวนค่อนข้างมากในกรอบ 1,510-1,550 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบSelective Buy ได้แก่ กลุ่มหุ้นค้าปลีก อานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี แนะนำ HMPRO,SYNEX, CPN, BJC, MC และ ROBINS

      สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง $19/Oz หรือคิดเป็น 1.61% ปิดที่ระดับ $1,157/Oz โดยราคาทองยังโดนแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.ทราบผล 15 ธ.ค. ช่วงเช้า โดยผลสำรวจของCME Group FedWatch ระบุว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

     ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3 รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน สิ้นสุดเดือนธ.ค.2017 ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสร้างแรงกดดันต่อทองคำ

      สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาแกว่งตัวออกข้างใต้แรงกดดันแนวต้านเส้น 5 และ10 วัน ขณะที่แนวโน้มลงยังกดดันอยู่ ทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลง อย่างไรก็ตามค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะขายมาก จะช่วยลดแรงถ่วงให้ราคาปรับลงไม่มาก โดยมีแนวรับ 1,150-1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,185-1,190 เหรียญต่อทรอยออนซ์

GBS มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1,510-1,550 ขานรับรัฐออกมาตรการกระตุ้นศก.ปลายปี-ราคาน้ำมันขึ้น

        นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของราคาน้ำมันหนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน เม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี โดยมีความกังวลต่อกระแสคาดกาณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยกดดันทิศทางดัชนี ทำให้ประเมินว่า SET ในสัปดาห์จะแกว่งตัวผันผวนค่อนข้างมากในกรอบ 1,510-1,550 จุด

                ทั้งนี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มหุ้นค้าปลีก อานิสงส์จากมาตรการช้อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี แนะนำ HMPRO, SYNEX, CPN, BJC, MC และ ROBINS

                ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากปัจจัยต่างประเทศในเรื่องราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนหลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอนโอเปก บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิต 558,000 บาร์เรลต่อวันในวันที่ 10 ธ.ค. เพิ่มเติมจากที่กลุ่มโอเปก ตกลงลดกำลังการผลิตลง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อ 30 พ.ย. และการที่จีนเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ย.ออกมาดี ได้แก่ ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 10.8% สูงกว่าเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 10% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ขยายตัว 6.2% เมื่อเทียบรายปี  ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 59 ขยายตัว 6% เมื่อเทียบรายปี ประกอบกับแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศจากแรงซื้อกองทุน LTF และ RMF ในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี

      ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากเฟด มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อ fund flow และสัปดาห์หน้าธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ทบทวนใหม่ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งสุดท้ายของปีหลังจากตัวเลขการส่งออก 10 เดือนแรกปี 59 หดตัวมากกว่าที่ตลาดคาดและจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงมากกว่า 2 แสนคน

       อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 14 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 15 ธ.ค.(ช่วงเช้า)คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. และสหรัฐ และอียูมีกำหนดเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือนธ.ค.

     สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 19 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 1.61% ปิดที่ระดับ 1,157 เหรียญต่อทรอยออนซ์  โดยราคาทองยังโดนแรงกดดันจากการคาดการณ์ว่าเฟด จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.ทราบผล 15 ธ.ค. ช่วงเช้า โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่านักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 98% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเกือบ 10 ปี

       ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาสดใสจากรายงานยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนต.ค. รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3  รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ออกไปอีก 9 เดือน สิ้นสุดเดือนธ.ค.60 ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสร้างแรงกดดันต่อทองคำ

      สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาแกว่งตัวออกข้างใต้แรงกดดันแนวต้านเส้น 5 และ10 วัน ขณะที่แนวโน้มลงยังกดดันอยู่ ทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลง  อย่างไรก็ตามค่าสัญญาณทางเทคนิคที่เริ่มฟื้นตัวจากภาวะขายมาก จะช่วยลดแรงถ่วงให้ราคาปรับลงไม่มาก โดยมีแนวรับ 1,150-1,145 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,185-1,190 เหรียญต่อทรอยออนซ์

อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!