- Details
- Category: บล.
- Published: Thursday, 01 December 2016 07:15
- Hits: 9318
'โกลเบล็ก'มองหุ้นไทยขานรับราคาน้ำมัน ลุ้นดัชนีทดสอบ 1,520 จุด แนะเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ชู GL-THAI-BJC
กรุงเทพฯ-บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกินและเม็ดเงิน LTF RMF หนุนดัชนีปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,510 – 1,520 จุด แนะลงทุนหุ้นได้อานิสงส์ราคายางพาราทำ High ในรอบ 1 ปี ชู STA-TRUBB และเก็งกำไรหุ้นที่นำเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ชู GL-THAI-BJC ด้านราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากเฟด ที่มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ โดยมีแนวรับ 1,175-1,170 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,215-1,220 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาต่อเนื่องโดยเฉพาะแอคชั่นแพลนของกระทรวงคมนาคมที่จะเร่งลงทุน 20 โครงการ วงเงิน 1.4 ล้านล้านบาท โดยคาดเสนอเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้เข้า ครม.ในเดือน ม.ค.2560 และแรงซื้อกองทุน LTF RMF ในช่วงปลายปี ประกอบกับปัจจัยบวกจากต่างประเทศในเรื่องที่โพลล์คาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะขยายเวลาการใช้ QE 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนออกไปอีก 3-6 เดือน (เดิมสิ้นสุดมี.ค.2017)
ทั้งนี้ ยังคงมีความกังวลจากตัวเลขการส่งออกไทยเดือนต.ค. พลิกเป็นลดลง 4.2% ขณะที่การส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปี 59 (ม.ค. - ต.ค.59) หดตัว 1% การนำเข้า หดตัว 5.9% ส่งผลให้เกินดุล 1.82 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับการ FED ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14 ธ.ค. เนื่องจากตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและการจ้างงานที่แข็งแกร่ง และForeign มี Net Sell สะสมตั้งแต่เดือนต.ค. ราว 5 หมื่นลบ.
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 1 ธ.ค. FOMC จะรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ (Beige Book) และสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ กลุ่มประเทศ EU และจีน
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐและเม็ดเงินจาก LTF RMF ที่จะเข้ามาในช่วงท้ายปี อย่างไรก็ตาม ความกังวล FED ปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13 – 14 ธ.ค.ยังคงกดดันทิศทางดัชนี
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะเคลื่อนไหวในรูปซิกแซกขาขึ้น (มีสลับพักตัว) เพื่อทดสอบแนวต้าน 1,510 – 1,520 จุด ทั้งนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากราคายางพาราทำ High ในรอบ 1 ปี แนะนำ STA และTRUBB และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ แนะนำ GL THAI และ BJC
สำหรับ แนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 25 เหรียญต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็น 2.07% ปิดที่ระดับ 1,183 เหรียญต่อทรอยออนซ์ โดยมีปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จากมุมมองเชิงบวกต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มีน้ำหนักมากขึ้นจากรายงานการประชุมเฟดที่ระบุว่ากรรมการเฟดสนับสนุนให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ผลสำรวจของ CME Group Fed Watch ระบุนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในช่วงต้นสัปดาห์หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงขายทำกำไรค่าเงิน แต่แรงกดดันจากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค.ยังเป็นแรงกดดันอยู่
สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกนั้น ราคาทองปิดตัวเป็นแท่งเทียนสัญญาณบวกผ่านยืนแนวต้านเส้น 5 วันหลังเกิดแท่งเทียนสัญญาณฟื้นตัว SPINING BOTTOM ถือเป็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ที่มีภาวะ OVERSOLD และสัญญาณ BULLISH DIVERGENCE เป็นสัญญาณบวกเสริม ทำให้ราคามีโอกาสฟื้นตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,175-1,170 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,215-1,220 เหรียญต่อทรอยออนซ์