- Details
- Category: บล.
- Published: Wednesday, 19 October 2016 19:41
- Hits: 3977
'โกลเบล็ก' คัด 10 หุ้นเด่นน่าลงทุนกำไร Q3/59 โต ช่วยพยุงดัชนีแกว่งตัวในระดับ 1,460-1,490 จุด
กรุงเทพฯ- บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยได้แรงบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะได้ข้อสรุปลดกำลังการผลิต 30 พ.ย.นี้ บวกกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ และการเก็งกำไรผลประกอบการในไตรมาส 3/59 หนุนดัชนีแกว่างตัวในกรอบ 1,460-1,490 จุด โดยคัดหุ้นเด่นที่มีผลงานเติบโตเด่น 10 บริษัท ชู KCE-CPALL-SPALI-ANAN-BEAUTY-GFPT-FSMART-TPCH-WICE-ACAP ด้านราคาทองคำยังเจอแรงกดดันจากความกังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยมีแนวรับ 1,240-1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,275-1,280 เหรียญต่อทรอยออนซ์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะได้ข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในการประชุม 30 พ.ย. รวมถึงที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีแนวโน้มออกมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่องในช่วงปลายปีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และภายในเดือนตุลาคม กระทรวงการคลังเตรียมยื่นไฟลิ่งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตของไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์)
ทั้งนี้ ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีความกังวลจากค่าเงินบาทอ่อนค่ากดดัน Fund Flow ไหลออก นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิในเดือนตุลาคม ประกอบกับนายยสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวเตือนถึงอันตรายว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำสามารถนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ หุ้นกลุ่มแบงก์ทยอยแจ้งผลการดำเนินงานในช่วง Q3/2559 ภายใน 21 ต.ค. คาดกำไรของธนาคารส่วนใหญ่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากไตรมาสที่แล้วจากการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง วันที่ 17-21 ต.ค. โครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน จำนวน 100 เมกะวัตต์กำหนดให้ยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า วันที่ 20 ต.ค. (ช่วงเช้าตามเวลาไทย) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) กำหนดดีเบตรอบปธน.สหรัฐครั้งที่ 3 จับตาว่าทรัมป์จะดึงคะแนนเสียงเพิ่มได้หรือไม่ จากผลสำรวจคะแนนนิยมล่าสุด’ฮิลลารี’ ยังนำ’ทรัมป์’ ที่ 48% ต่อ 37% และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยหลังการประชุมซึ่งมีประเด็นจับตาว่าจะขยายวงเงิน QE ที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 60 หรือไม่
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ถูกแรงกดดันจากแรงขาย Foreign ที่เป็นNet Sell ตั้งแต่ต้นเดือนต.ค.ราว 7.4 พันลบ. รวมถึงความกังวลว่า FED อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. อย่างไรก็ตามคาดว่าแรงซื้อเก็งกำไรงบไตรมาส 3/2559 จะช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีอ่อนตัวลงแรง
ดังนั้น ประเมินว่า SET จะแกว่งตัวผันผวนโดยมีกรอบเคลื่อนตัวที่ 1,460-1,490 จุด ทั้งนี้แนะนำซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy ได้แก่ หุ้นกลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 3/2559 จะเติบโตขึ้น แนะนำ KCE, CPALL, SPALI, ANAN, BEAUTY, GFPT, FSMART, TPCH, WICE และ ACAP รวมถึงกลุ่มส่งออก (อาหารและอิเล็กทรอนิกส์) ได้รับอานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่า และ BANPU ได้อานิสงส์จากราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 4 ปี ล่าสุด 90.9 ดอลลาร์/ตัน
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัวผันผวนในกรอบแคบเป็นลักษณะของการพักตัวหลังราคาปรับลงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยราคายังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้หลังโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า เฟดมีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ทั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นสู่ 75% จากเดิมที่ 65% ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ขณะที่นายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดได้ออกมาเตือนว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนานและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินสวนทางกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กล่าวว่าเฟดอาจต้องผลักดันเศรษฐกิจด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ ส่งผลให้ความกังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำ
สำหรับ แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาพักตัวออกด้านข้างหลังปรับลงแรงและส่งผลให้เส้น 5 วันแกว่งตัวเป็นเส้นนอนเป็นสัญญาณบวกต่อการพักฐานหลังราคาลงมาจบรูปแบบลง ROUNDING TOP การเริ่มวกกลับขึ้นมายืนเหนือเส้น 5 วัน ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI มีภาวะขายมากและเริ่มปรับขึ้นเป็นสัญญาณบวก เพิ่มแรงหนุนต่อราคาให้มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น โดยมีแนวรับ 1,240 -1,235 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,275 -1,280เหรียญต่อทรอยออนซ์