WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KKP Jan 26 business direction

บล.ภัทร คาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350 จุด อิง P/E 13 เท่า ประเมินวอลุ่ม 4-4.5 หมื่นลบ. ระวังลงทุนสื่อสาร-แบงก์-พลังงาน-อุตสาหกรรมการผลิต

   บล.ภัทร คาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350 จุด อิง P/E 13 เท่า ประเมินวอลุ่ม 4-4.5 หมื่นลบ. ระวังลงทุนสื่อสาร-แบงก์-พลังงาน-อุตสาหกรรมการผลิต

 บล.ภัทร คาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350 จุด อิง P/E 13 เท่า ประเมินวอลุ่ม 4-4.5 หมื่นลบ. แนะให้ระวังลงทุนหุ้นในกลุ่มสื่อสาร แบงก์ พลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมเผย มีงานIPO และPO ค้างท่อจากปี58 สานต่อปีนี้ รวมกัน 4-5 ดีล และเตรียมเป็นที่ปรึกษาออกหุ้นกู้ 2-3 หมื่นลบ. ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจสื่อสาร-ธุรกิจเกี่ยวเนี่องลงทุนภาครัฐ คาด 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 61 พอร์ตลงทุนแตะ 1.7 หมื่นลบ. จากปัจจุบัน 8 พันลบ.จ่อตั้งเฮจด์ฟันด์เพิ่มอีกกอง มูลค่ามากกว่า 7 พันลบ. เน้นลงทุนหุ้นในปท.และเอเชีย เว้นญี่ปุ่น หวังผลตอบแทน 6-7%

   นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350 จุด อิง P/E 13 เท่า โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยปีนี้จะมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ  แต่ในช่วงครึ่งปีหลังดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มราคาน้ำมันช่วงปลายปีมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นไปแตะ 50 เหรียญต่อบาร์เรล จากปัจจุบันที่ 25 เหรียญต่อบาร์เรล

     โดยการปรับขึ้นของราคาน้ำมันช่วงปลายปีจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทย ขณะเดียวกันคาดว่ามูลค่าการซื้อขายในปีนี้จะยังอยู่ที่ 4-4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเท่ากับปีก่อน ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังกับกลุ่มพลังงาน สื่อสาร ธนาคาร และอุตสาหกรรมการผลิต

 ทั้งนี้ มีแผนนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) และการออกหุ้นเพิ่มทุน (PO) มูลค่าแต่ละดีล 5,000-30,000 ล้านบาท โดยยังเน้นทำดีลขนาดใหญ่ รวมประมาณ 4-5 ดีล เทียบจากปี 2558 มีหุ้น IPO  2-3 ดีล นอกจากนี้ยังมีดีลที่เกี่ยวข้องกับการควบรวบกิจการในมืออีกจำนวน จากปี 58 ที่มีดีลM&A สำเร็จจำนวน  5 ดีล

  นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเป็นที่ปรึกษาในการออกหุ้นกู้ 2-3 หมื่นล้านบาทให้กับลูกค้า ที่ทำธุรกิจสื่อสารและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการลงทุนภาครัฐ โดยมูลค่าหุ้นกู้ที่จะออกแต่ละบริษัทจะมีมูลค่าไม่สูง แต่จะมีบริษัทที่จะออกหุ้นกู้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างจากปีก่อนที่มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ออกหุ้นกู้ คือกลุ่มซีพี ออกหุ้นกู้รวมกัน 2.5 หมื่นล้านบาท

    สำหรับ พอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ ปัจจุบันอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2561 พอร์ตลงทุนจะแตะ 1.7 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศ 80-90% ที่เหลือเป็นการลงทุนต่างประเทศ 10%

    นอกจากนี้บริษัทฯ เตรียมตั้ง เฮจด์ฟันด์กองที่ 2 มูลค่ามากกว่า 7,000 ล้านบาท หลังจากตั้งกองแรกไปแล้วเมื่อปี 2558 ที่มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท โดยกองล่าสุดเน้นลงทุนหุ้นในประเทศ และภูมิภาคเอเชีย ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯ หวังผลตอบแทน 6-7% โดยบริษัทฯ มองว่าการที่ออกเฮจด์ฟันด์ในช่วงที่ตลาดผันผวนคาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจ เนื่องจากในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน ซึ่งกองเฮจด์ฟันด์จะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!