WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร และแนวโน้ม 'บล. เคจีไอ (ประเทศไทย)'ที่ BBB+/Stable

     ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+”ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะเงินทุนที่เข้มแข็ง ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ตลอดจนความแข็งแกร่งของฐานรายได้ที่มาจากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย รวมถึงความสามารถของบริษัทในการนำประสบการณ์และความรู้ของกลุ่มเคจีไอในไต้หวันซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากความผันผวนของธุรกิจหลักทรัพย์และแรงกดดันด้านอัตราค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากคู่แข่งขันใหม่ 3 รายที่เข้ามาในปี 2556 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัทซึ่งทำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาดก็มีผลต่ออันดับเครดิตด้วยเช่นกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานภาพทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการบริหารกองทุนของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด ได้ต่อไปแม้สภาพการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะยังคงมีความผันผวนเป็นอย่างมากก็ตาม นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ การลงทุนในหลักทรัพย์ และการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ ได้

     บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) มีแหล่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและไม่กระจุกตัวอยู่ที่รายได้จากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์มากนัก กล่าวคือ ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รายได้จากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 50% ของรายได้รวมของบริษัทเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่สูงกว่า 70% การขยายฐานรายได้ในส่วนที่ไม่ได้มาจากค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์น่าจะช่วยให้บริษัทมีความพร้อมมากขึ้นในการรับมือกับการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นภายหลังการเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในปี 2555 และภายหลังการเข้ามาของคู่แข่งขันใหม่ 3 รายในอุตสาหกรรม ส่วนกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 23%-41% ของรายได้รวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นมาจากธุรกรรมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ ธุรกิจการซื้อคืนภาคเอกชน การออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ธุรกิจตราสารอนุพันธ์นอกตลาด ตลอดจนการลงทุนของบริษัทในตราสารหนี้และตราสารทุน นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากการบริหารจัดการกองทุนของ บลจ.วรรณ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 99% ด้วย รายได้จาก บลจ. วรรณ คิดเป็นสัดส่วน 8%-14% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท ทั้งนี้ รายได้จากการบริหารจัดการกองทุนถือว่าเป็นแหล่งรายได้ที่ผันผวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรายได้อื่น ๆ ของธุรกิจหลักทรัพย์

       บริษัทจัดได้ว่าเป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยมีความได้เปรียบจากการนำความรู้ทางวิศวกรรมการเงินตลอดจนประสบการณ์ของกลุ่มเคจีไอ ไต้หวัน ซึ่งอยู่ในตลาดการเงินที่มีการพัฒนามากกว่ามาใช้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ ในประเทศไทย การมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจะช่วยให้บริษัทสามารถดึงดูดกลุ่มนักลงทุนที่มีความต้องการบริการที่แตกต่างกันเข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท บริษัทพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องให้ล้ำหน้าคู่แข่งเพื่อจะมีโอกาสได้รับอัตราผลกำไรที่สูงก่อนที่จะเกิดการแข่งขันมากขึ้นในตลาด

     ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารทุนในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 อยู่ที่ 3.95% โดยอยู่ในลำดับ 9 ซึ่งใกล้เคียงกับส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัททั้งปีในปี 2556 และสูงกว่าส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในปี 2555 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.48% (ลำดับ 12) บริษัทมีฐานลูกค้าที่ซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตอยู่ในสัดส่วนที่สูงซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราค่านายหน้าค่อนข้างต่ำ ทำให้อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงจากระดับ 0.15% ในปี 2554-2555 ลงมาอยู่ที่ระดับ 0.13% ในปี 2556

     ทั้งนี้ ในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา มูลค่าซื้อขายจากลูกค้ารายใหญ่ 20 รายแรกคิดเป็นกว่า 40% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมดของบริษัท (ไม่รวมการซื้อขายในบัญชีของบริษัท) และการที่บริษัทพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่อยู่ค่อนข้างมากซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้มีอำนาจต่อรองค่อนข้างสูง จึงอาจทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทได้รับผลกระทบจากการแข่งขันได้มากกว่า

    การซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของบริษัททำให้บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในตลาด บริษัทมีเงินลงทุนทั้งในตราสารหนี้และตราสารทุน โดยบริษัทจัดว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีเงินลงทุนขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม บริษัทมีการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อันนำมาซึ่งความเสี่ยงด้านเครดิต ทั้งนี้ สินเชื่อดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 1,500 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 เทียบกับระดับ 1,700 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2556 อย่างไรก็ตาม ถือว่าการให้สินเชื่อดังกล่าวอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2557 การปล่อยสินเชื่อดังกล่าวคิดเป็น 4% ของการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรม และคิดเป็น 29% ของส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท

    บริษัทมีผลกำไรสุทธิ 784 ล้านบาทในปี 2556 เทียบกับ 443 ล้านบาทในปี 2555 และ 594 ล้านบาทในปี 2554 ผลกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากปัจจัย 3 ประการ ได้แก่ 1) การเพิ่มขึ้นของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบริษัท 2) การเพิ่มขึ้นของกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ และ 3) รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าจากการที่บริษัทเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย (Lead underwriter) ของหลักทรัพย์ 3 บริษัท โดยบริษัทมีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์เพิ่มขึ้นจาก 467 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 712 ล้านบาทในปี 2556 ขึ้นมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2554 นอกจากนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยลดลงเหลือ 51% ในปี 2556 จาก 57% ในปี 2555

    อัตราส่วนสินทรัพย์รวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทลดลงเป็น 1.6 เท่า ณ สิ้นปี 2556 จาก 2.6 เท่า ณ สิ้นปี 2555 บริษัทลดขนาดของเงินลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2556 เป็นการชั่วคราวเพื่อลดความเสี่ยงจากสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยก่อนจะกลับมาขยายเงินลงทุนอีกครั้งในไตรมาสแรกของปี 2557 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2556 อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 211% ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับเกณฑ์ 7% ตามที่ทางการกำหนด

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI)

อันดับเครดิตองค์กร: BBB+

แนวโน้มอันดับเครดิต:               Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

      บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2557  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

     ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!