- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 07 September 2015 22:56
- Hits: 14823
BLS เผย เหตุหุ้นสวิงพาสัดส่วนเทรด DW สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ลุยส่ง 20 ตัวใหม่เพิ่มความคึกคัก
หลักทรัพย์บัวหลวงเผยตลาดหุ้นเดือนส.ค.ผันผวนหนัก พาวอลลุ่ม DW มีสัดส่วนต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ DW อ้างอิงดัชนี SET50, PTT ติดชาร์ต ลุยส่ง 20 ตัวใหม่ลงตลาด 10 ก.ย.นี้ พร้อมชี้แจง 5 ปัจจัยทำราคา DW วิ่งไม่สอดคล้องกับราคาหุ้นอ้างอิง
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาว่าท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นผันผวนอย่างหนักตลอดเดือน ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายเก็งกำไร DW จำนวนมาก โดยสัดส่วนการซื้อขาย DW ต่อการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.4% สูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอนุญาตให้มีการออก DW ครั้งแรกในเดือนก.ค. 2552 โดยมีการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในกลุ่มดัชนีหลักทรัพย์คิดเป็น 43.4% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 14.5% และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 9.2% รวมทั้งมีการซื้อขาย DW ประเภท Put ในสัดส่วน 58.5% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับ หุ้นอ้างอิงที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกเป็น DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ซื้อขายสูงถึง 43.2% ของการซื้อขาย DW ทั้งหมด โดยเฉพาะ Put DW รองลงมา DW ที่อ้างอิงหุ้น PTT สัดส่วน 8.7% ซึ่ง Put DW ได้รับความสนใจมากหลังราคาน้ำมันทำนิวโลว์และอันดับสาม DW ที่อ้างอิงหุ้น ITD สัดส่วน 5.0% โดยเฉพาะ Call DW แม้ไตรมาสสองงบออกมาขาดทุนก็ตาม แต่นักลงทุนมั่นใจรัฐเดินหน้าโครงการลงทุนจะหนุนให้ครึ่งปีหลังบริษัทจะพลิกมีกำไรได้
สำหรับ ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นมาจากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ ได้แก่ เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาธร ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ การประกาศตัวเลขภาคการผลิต (PMI) ของจีนต่ำสุดในรอบ 6 ปี จึงกังวลเศรษฐกิจจะชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ไม่สงบระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้และราคาน้ำมันดิบทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 6 ปีครึ่ง สะท้อนความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาสูงขึ้น จึงเทขายหุ้นทั่วโลก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยทำนิวโลว์หลุดระดับ 1,300 จุด จึงมีแรงซื้อเก็งกำไร Put DW หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ซึ่งถูกกระทบจากราคาน้ำมันหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิด รวมถึงดัชนี SET50 เพื่อป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต อย่างไรก็ตามช่วงปลายเดือนส.ค.หุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังจีดีพีของสหรัฐอเมริกาออกมาดี และคลายกังวลจีนหลังรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนตลาดต่อเนื่อง รวมถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ซึ่งเร่งเดินหน้าโครงการลงทุนรัฐและออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไร Call DW ในหุ้นกลุ่มเกี่ยวข้องการบริโภคภายในประเทศ เช่น สื่อสาร รับเหมาก่อสร้าง ค้าปลีก เป็นต้น
ปัจจุบัน DW ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ณ สิ้นเดือนส.ค.2558 มีจำนวน 942 รุ่น แบ่งเป็น Call 688 รุ่นและ Put 254 รุ่น มีหุ้นอ้างอิงที่เสนอขายรวม 99 ตัว โดยหลักทรัพย์บัวหลวงมีจำนวน DW สูงสุด คิดเป็น 23.25% ของจำนวนทั้งหมดในตลาดและมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกสูงสุดคิดเป็น 70.59% รวมทั้งมีส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายการซื้อขายสะสมในในเดือนส.ค.เป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 49.9%
นายบรรณรงค์ กล่าวว่า หลักทรัพย์บัวหลวงยังเตรียมออก DW ชุดใหม่จำนวน 20 ตัวทั้งประเภท Call และ Put อ้างอิง 10 หลักทรัพย์ได้แก่ ADVANC, AOT, INTUCH, IRPC, JAS, KTB, PTTEP, SCB, TRUE และดัชนี SET50 โดย DW มีอายุ 6 เดือน เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 10 ก.ย.นี้ และซื้อขายวันสุดท้าย 5 เม.ย. 2559 สำหรับ DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 ตัวใหม่จะมีจุดเด่นตรงที่มีอัตราทดสูงถึง 6-8 เท่า ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนชอบเก็งกำไรระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนได้สอบถามเกี่ยวกับราคา DW กับราคาหุ้นอ้างอิงในบางครั้งเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ สาเหตุหลักเกิดจาก 5 กรณี ได้แก่ 1.ผู้ดูแลสภาพคล่องกระจายขาย DW ออกไปมากจนกระทั่งไม่มี DW เพียงที่จะปรับราคา DW ให้สัมพันธ์กับระดับราคาของหุ้นอ้างอิงได้ ดังนั้น การซื้อขาย DW ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้จึงเกิดจากความต้องการซื้อและความต้องการขายของนักลงทุนโดยทั่วไป ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของผู้ดูแลสภาพคล่อง ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและประกาศจากเว็บไซต์ผู้ออกฯ รวมถึงหมั่นตรวจสอบราคาที่เหมาะสมของ DW ก่อนการลงทุนทุกครั้งที่ www.blswarrant.com
กรณีที่ 2 DW มีการเสื่อมค่า โดยราคาจะลดลงตามอายุที่เหลือของตราสารที่ลดลง (Time Decay) แม้นักลงทุนอาจคาดการณ์ราคาหุ้นอ้างอิงถูกทาง แต่ควรตรวจสอบค่า Time Decay ซึ่งเป็นค่าที่บอกว่าผ่านไป 1 วัน มูลค่าของ DW จะลดลงกี่เปอร์เซ็นต์หากราคาหุ้นอ้างอิงไม่เปลี่ยนแปลง นักลงทุนจึงควรประเมินกำไรว่าจะคุ้มค่ากับ Time Decay ของ DW ที่ลดลงหรือไม่ ส่วนกรณีที่ 3 DW มีราคาต่ำ เช่น น้อยกว่า 0.10 บาท จะตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นอ้างอิงช้า เช่น ราคาหุ้นอ้างอิงเปลี่ยนไป 3-5 ช่อง แต่ราคา DW ไม่เปลี่ยนตาม นักลงทุนจึงต้องตรวจสอบค่าความไว (Sensitivity) ซึ่งจะบอกว่าเมื่อราคาหุ้นอ้างอิงเปลี่ยนแปลงไป 1 ช่องแล้วราคา DW จะเปลี่ยนแปลงไปกี่ช่อง ดังนั้น นักลงทุนที่ต้องการจับจังหวะทำกำไรระยะสั้นควรเลือก DW ที่มีค่าความไวตั้งแต่ 1 ขึ้นไป
กรณีที่ 4 ผู้ออกจะปรับราคาและอัตราการใช้สิทธิ DW เมื่อราคาหุ้นอ้างอิงปรับตัวลงจาก Corporate Action เช่น เพิ่มทุน, จ่ายเงินปันผล,จ่ายหุ้นปันผล และการแตกพาร์ เพื่อรักษาระดับราคา DW ที่ซื้อขายในกระดานไม่ให้ถูกกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอ้างอิง ดังนั้นนักลงทุนที่จะถือ Put DW ข้ามวันถึงวันที่หุ้นอ้างอิงขึ้นเครื่องหมาย เพราะคิดว่าราคาหุ้นจะลงจาก Corporate Action และทำกำไรจาก Put จึงเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
สำหรับ กรณีสุดท้าย DW ไม่ได้มีการซื้อขายเหมือนหุ้นอ้างอิงตลอดเวลา ซึ่งเกิดจากราคา DW ที่ซื้อขายล่าสุดไม่ได้เกิดขึ้น ณ เวลาเดียวกันกับราคาหุ้นอ้างอิงที่มีการซื้อขายล่าสุด รวมถึงกรณีที่ราคาปิดของ DW ในวันก่อนหน้าไม่สัมพันธ์กับราคาปิดของหุ้นอ้างอิงในวันก่อนหน้า นักลงทุนจึงไม่ควรใช้เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคา DW ที่คำนวณจากราคาล่าสุด แต่ควรใช้ราคา Bid-Offer แทน เพราะผู้ดูแลสภาพคล่องมีการปรับราคา Bid-Offer ของ DW ให้สอดคล้องกับราคาหุ้นอ้างอิงตลอดเวลา แม้ว่า DW ไม่มีการซื้อขายก็ตาม