- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 19 January 2015 21:55
- Hits: 4458
UOBKH คาดรายได้-กำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน เตรียมดัน IPO เข้า SET 5-6 บริษัท ลั่นไม่มีนโยบายซื้อตัวเจ้าหน้าที่ติดต่อผู้ลงทุน
นายชัยพัชร์ นาคมณฑนาคุ้ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH คาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปีนี้จะมากกว่าปี 57 หลังปริมาณการซื้อขายกลับมาอยู่ในระดับปกติ และมองว่าภาพรวมของตลาดหุ้นไทยจะยังอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยลบไม่มากนัก และน่าจะมีแนวโน้มที่เป็นบวกเข้ามาหนุน หากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลังตามคาดการณ์ของหลายๆ แห่ง
อย่างไรก็ตามยอมรับว่ารายได้-กำไรสุทธิในปี 57 น่าจะต่ำกว่าปี 56 ที่ทำได้ 1,204.59 ล้านบาท และ 348.16 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากปี 56 เป็นปีที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีความร้อนแรงมากกว่าปกติ หลังจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ (QE) ทำให้มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก ขณะที่ในปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองในช่วงครึ่งปีแรกจนกดดันให้ความเชื่อมั่นการลงทุนหายไป และทำให้ปริมาณการซื้อขายลดลงไปกว่า 50% จากปี 56 ที่อยู่เฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาท
ด้านกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทฯ จะเน้นสร้างฐานลูกค้าจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยการจัดกิจกรรมให้ความรู้ งานสัมนาสร้างศูนย์การเรียนรู้ ซึ่งน่าจะเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่กว่า 2 หมื่นบัญชี โดยเป็นบัญชีที่มีการซื้อขาย 1.4 หมื่นบัญชี แบ่งเป็น นักลงทุนบุคคล 70% นักลงทุนสถาบัน 20% และนักลงทุนต่างประเทศ 10% ซึ่งนโยบาย
ของบริษัทฯ จะยังคงเน้นลูกค้าบุคคล
สำหรับธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จะเน้นกลยุทธ์การพัฒนาจากฐานนักลงทุนโดยบริษัทฯมีนโยบายเพิ่มผู้ลงทุนให้มากกว่าปัจจุบันที่มีบัญชีทั้งหมดกว่า 2 หมื่นบัญชี โดยมีบัญชีที่มีการซื้อขาย 1.4 หมื่นบัญชี แบ่งเป็นนักลงทุนทั่วไป 70% นักลงทุนสถาบัน 20% และนักลงทุนต่างประเทศ 10%
ด้านส่วนแบ่งตลาดปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ที่กว่า 2% แต่นโยบายคือไมเน้นสร้างส่วนแบ่งตลาด จะเน้นที่กำไรสุทธิมากกว่าซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากกว่าอุตสาหกรรม ซึ่งจะรักษาให้อยู่ในระดับนั้นต่อไป พร้อมกันนี้บริษัทฯ ไม่มีนโยบายที่จะไม่แข่งขันด้านราคาค่าดอมมิชชั่น เพราะจะเน้นเรื่องคุณภาพของบริการมากกว่าราคา ซึ่งจะรักษาให้อยู่ในระดับเดียวกับอุตสาหกรรมเสมอ
ขณะที่ในวันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ ABAC ในการสร้าง Cyber Learning Center ที่สนับสนุนการศึกษาด้านการลงทุน ที่ ABAC หัวหมาก โดยเบื้องต้นแบ่งกิจกรรมเป็น 4 ระดับ คือ 1.สัมนาเกี่ยวกับเทรดออนไลน์ ที่สอนพื้นฐานด้านการเทรดออนไลน์ทั้งในหุ้นและ TFEX 2.สัมนาเกี่ยวกับเทคนิคและพื้นฐานของหุ้น 3.สัมนาเกี่ยวกับไอเดียใหม่ๆ ในการเทรดและความเคลื่อนไหวของตลาด และ 4. สัมนาหรือจัดบรรยายในหัวข้อพิเศษ เพื่อที่จะสร้างนักลงทุนและบุคลากรรุ่นใหม่เข้าอุตสาหกรรม
นายชัยพัชร์ กล่าวด้วยว่า ปีนี้บริษัทฯ เดินกลยุทธ์เชิงรุกในสายงานวานิชธนกิจ (IB) มากยิ่งขึ้น โดยมีงานนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 5-6 บริษัท มูลค่าการระดมทุนไม่ต่ำกว่าแห่งละ 1,000 ล้านบาท และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market cap) ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท/บริษัท ซึ่งจะเข้าซื้อขายใน SET ทั้งหมด โดยคาดว่าในไตรมาส 1/58 จะยื่นไฟลิ่งประมาณ 2 บริษัท
"ปีนี้มีงาน IPO ขนาดใหญ่ 5-6 บริษัท ที่เรามีทั้งที่เป็น FA และเป็นแกนนำจัดจำหน่าย ซึ่งต่างจากปีก่อนที่เราเป็นเพียงผู้ร่วมจำหน่ายแค่ 4 บริษัท ซึ่ง IPO ในมือจะเข้า SET ทั้งหมด โดนเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็น
กระแส เช่น พลังงานทดแทน รับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น"
ขณะที่ ไม่มีนโยบายซื้อตัวเจ้าหน้าที่ติดต่อกับผู้ลงทุน (IC) โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีอยู่ราว 300 คน โดยจะเน้นการสร้างบุคลากรรุ่นใหม่โดยเฉพาะจากกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ เพื่อที่จะสร้างโอกาสและเพิ่มจำนวนบุคลากรเข้าสู่อุตสาหกรรม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีโปรแกรมการรับนักศึกษาจบใหม่และก็ได้เจ้าหน้าที่จากโครงการดังกล่าวมาแล้ว 80-90 คน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย