- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 17 November 2014 21:50
- Hits: 3427
TNITY มั่นใจรายได้-กำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน หลังกระจายรายได้หลายธุรกิจ ส่วนปีหน้าโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแชร์แตะ 3%
TNITY มั่นใจรายได้-กำไรปีนี้มากกว่าปีก่อน หลังกระจายรายได้หลายธุรกิจ มั่นใจปีหน้าโตต่อเนื่อง ตั้งเป้าเพิ่มมาร์เก็ตแชร์แตะ 3% พร้อมคว้างานที่ปรึกษาฯ ดัน บสก. เข้า SET ปีหน้า หนุนรายได้-กำไร โตก้าวกระโดด พร้อมตั้งเป้าปีหน้ามีบัญชีหุ้นใหม่เกิน 1,000 บัญชี มาร์เก็ตแชร์เพิ่ม 3% พร้อมดัน IPO เข้าตลาด 4-6 ราย ด้านหุ้นไทยปีหน้าคาดจะแตะ 1,730 จุด วอลุ่มเทรดคึกเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า มั่นใจรายได้รวมของกลุ่มบริษัททรีนีตี้วัฒนาและกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 850.75 ล้านบาท และ 137.91 ล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้ 583.66 ล้านบาท กำไรสุทธิ 120.05 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบจากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มากนักเพราะมีการกระจายสัดส่วนรายได้ไปยังหลากหลายธุรกิจ แบ่งเป็น ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 50% การลงทุนในธุรกิจอื่น 20% ธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล 11% ที่เหลือเป็นธุรกิจอื่นๆ พร้อมกันนี้เชื่อว่าในปีหน้ารายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีนี้ต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์บริษัทฯตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปี 2558 แตะ 3% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่เฉลี่ย 2.9% โดยเน้นเพิ่มฐานลูกค้าไฮเน็ทเวิร์กเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าด้วยคุณภาพการให้บริการของบริษัทฯจะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้มาใช้บริการได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯไม่มีนโยบายการแข่งขันด้านค่าคอมมิสชั่น โดยอยู่ที่เฉลี่ย 0.15-0.20% ใกล้เคียงกับอุตสาหกรรม ประกอบกับฐานลูกค้ากว่า 80% เป็นกลุ่มไฮเน็ทเวิร์กซึ่งค่าคอมมิสชั่นต้องเป็นไปตามขั้นบันไดที่กำหนดไว้ของสมาคม
โดยปัจจุบัน ปัจจุบันบริษัทฯเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ได้ในปี 2558 โดยหากดีลดังกล่าวประสบความสำเร็จตามเป้าหมายจะช่วยหนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทฯเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทฯดังกล่าวมีมาร์เก็ตแคปถึง 25,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีดีล IPO อื่นๆอีก 4-5 บริษัท มาร์เก็ตแคปตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารในส่วนธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคลแตะ3,000 ล้านบาท ในปีหน้า จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ราว 2,590 ล้านบาท
ทั้งนี้ ดร.วิศิษฐ์ เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 2558 ว่าคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในปีหน้าจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,730 – 1,800 จุด จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะปิดได้ที่ 1,600-1,650 จุด หลังจากบรรยากาศการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้นในหลายด้าน
ทั้งนี้ การประเมินดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานค่า forward PE ที่ 13.5 เท่า ทั้งนี้หากมีสภาพคล่องที่เกิดจาก 1. เม็ดเงินไหลจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่หุ้น (เนื่องจากสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย) 2. การอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น 3. การเข้าซื้อหุ้นของ GPIF กองทุนบำนาญญี่ปุ่น ปัจจัยทั้ง 3 นี้อาจทำให้เป้าหมายของ SET Index ปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 1,800 จุดได้
สำหรับ ในปีหน้ากลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มีแผนการปรับเพิ่มรายได้ในทุกธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายธุรกิจหลักทรัพย์จะมีจำนวนบัญชีเปิดใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีนี้ ซึ่งมีประมาณ 1,000 กว่าบัญชี และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นแตะ 3% ในปี 2558 จากส่วนแบ่งการตลาดงวด 9 เดือนปี 2557 ที่ 2.91%
โดยธุรกิจวาณิชธนกิจ ในปีหน้า จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) และหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ (PP) รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างทางการเงินตั้งเป้าไว้จะเพิ่มขึ้นอีก 4 - 6 ราย ทั้งในตลาด SET และตลาด MAI โดยจะครอบคลุมหมวดอุตสาหกรรม ได้แก่ พลังงาน, เช่าซื้อ,ก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและสำนักงาน ธุรกิจการเงิน และบริการ
ส่วนธุรกิจด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี อันเป็นผลมาจากการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวม 2,590 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,815 ล้านบาท ประมาณ ร้อยละ 42
ด้านงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ เน้นกลยุทธ์การให้ความรู้ด้านการลงทุนแบบแบบรายเดือน (Market Theme) ในรูปแบบของบทวิเคราะห์ The Big Picture โดยพร้อมตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 20% ต่อปี
สำหรับ ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 บริษัทมีกำไรหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล 62.31 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันในปี 2556 ซึ่งมีกำไรหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล 66.51 ล้านบาท ขณะที่งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 120.05 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 130.75 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ลดลงอย่างมีนัยในช่วงต้นปี 2557
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย