- Details
- Category: บล.
- Published: Saturday, 24 October 2020 18:16
- Hits: 13773
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บล. คันทรี่กรุ๊ป' ที่ 'BBB-'แนวโน้ม 'Stable'
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB-' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงฐานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของ บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ได้รับอันดับเครดิต ‘BBB-‘ แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ จากทริสเรทติ้ง) เนื่องจาก บล. คันทรี่กรุ๊ป เป็นบริษัทลูกซึ่งถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เพียงแห่งเดียวที่ดำเนินธุรกิจโดยบริษัทมีสัดส่วนฐานทุนและรายได้คิดเป็นฐานทุนและรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
ทริสเรทติ้งมองว่า บล. คันทรี่ กรุ๊ป เป็นสมาชิกหลักที่ดำเนินธุรกิจของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทลูกที่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจเพียงรายเดียวและถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ อีกทั้งฐานทุนของบริษัทยังคิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญที่ระดับประมาณ 36% ของฐานทุนของบริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในขณะที่รายได้รวมของบริษัทก็คิดเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยถึง 88% ของรายได้รวมของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย นอกจากนี้ บล. คันทรี่ กรุ๊ป ยังมีความเชื่อมโยงกับบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในเชิงการบริหารจัดการอีกเช่นกันเนื่องจากบริษัทแม่มีการควบคุมดูแลทิศทางและการดำเนินงานของบริษัทผ่านทางคณะกรรมการของบริษัทซึ่งเป็นตัวแทนจากบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป
โฮลดิ้งส์ ยิ่งกว่านั้น บริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ยังเป็นผู้บริหารจัดการแหล่งเงินทุนและนโยบายการลงทุนของกลุ่มอีกด้วย
สถานะทางธุรกิจในธุรกิจหลักทรัพย์อยู่ในระดับปานกลาง
สถานะทางธุรกิจในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และธุรกิจตราสารอนุพันธ์ของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจนายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทได้มีการสนับสนุนให้บุคลากรที่ให้คำแนะนำด้านการลงทุนปรับกลยุทธ์ตามการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทซึ่งหันไปสนใจตราสารอนุพันธ์มากยิ่งขึ้น
อีกทั้ง บริษัทยังพัฒนาโปรแกรมซื้อขายเพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายมากขึ้นด้วย จึงส่งผลให้ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยอยู่ในอันดับที่ 1 เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม จากส่วนแบ่งรายได้ที่ระดับ 2.6% ในปี 2561 จากการที่บริษัทดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจจึงทำให้ทริสเรทติ้งคาดว่าแนวโน้มในทางบวกดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่สถานะทางการตลาดในสายงานธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันแต่ยังคงไม่มากนัก
ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 2.1% โดยเพิ่มขึ้นจาก 1.0% ในปี 2561 นอกจากนี้ ส่วนแบ่งรายได้ของธุรกิจวาณิชธนกิจของบริษัทก็ปรับตัวดีขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ยังคงไม่มากนักด้วยส่วนแบ่ง 2.6% เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย 3 ปี
ถึงแม้ว่าสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจะอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม แต่ฐานลูกค้าของบริษัทยังคงกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 80% ของมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยในปี 2562 รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทคิดเป็น 58% ของรายได้รวมเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 52%
สัดส่วนของรายได้จากกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมโดยมีกำไรจากเงินลงทุนที่มาจากธุรกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า เช่น บล็อคเทรด (Block Trade) อยู่ในสัดส่วนที่มากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทมีกำไรจากเงินลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 14% ของรายได้รวม โดยเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 13%
ฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรอยู่ในระดับที่เพียงพอ
ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า ฐานทุนและภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับที่เพียงพอโดยวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงที่ระดับประมาณ 15% โดยเฉลี่ย 4 ปี (2562-2565) ถึงแม้ว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะลดลงมาอยู่ที่ 13.7% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 จาก 28.7% ในปี 2561 จากการลดทุนประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 2562 และจากการขยายธุรกิจ แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาระดับฐานทุนและภาระหนี้ให้อยู่ในระดับเพียงพอที่จะรองรับการขาดทุนที่นอกเหนือความคาดหมายในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าได้ ทั้งนี้ บริษัทยังสามารถดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปให้อยู่ที่ระดับ 25.0% เอาไว้ได้ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ทางการกำหนดที่ระดับ 7% ค่อนข้างมาก
การประเมินสถานะฐานทุน ภาระหนี้ และความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทยังได้รับแรงเสริมจากความสามารถในการสร้างผลกำไรในระดับที่เพียงพอด้วย เนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ค่านายหน้าจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของรายได้ของบริษัทในระยะปานกลาง ดังนั้น ทริสเรทติ้งจึงประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับประมาณ 1% ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ก็ตาม ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ได้รับแรงกดดันจากผลขาดทุนจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าผลขาดทุนดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเนื่องจากบริษัทได้ทำการปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยงให้รัดกุมมากขึ้นเพื่อป้องกันผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากเงินลงทุนในอนาคต
ทริสเรทติ้ง ยังคาดด้วยว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิเอาไว้ที่ระดับประมาณ 60% ในระยะเวลา 2-3 ปีข้างหน้าแม้ว่าจะมีความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนบุคลากรทางการตลาดหรือมีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพื่อขยายุรกิจ ทั้งนี้ เนื่องจากทริสเรทติ้ง เชื่อว่า ความสามารถในการสร้างรายได้ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นในระยะปานกลาง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิอยู่ที่ 66.0% โดยปรับตัวดีขึ้นจาก 81.9% ในปี 2561 และอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 64.5%
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงทางด้านเครดิตที่บริหารจัดการได้
บริษัทได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ด้วยบัญชีของบริษัทเองเนื่องจากบริษัทมีธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้และหลักทรัพย์เพื่อเก็งกำไรบางส่วน แม้จะมีประวัติขาดทุนจากธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ แต่บริษัทก็มีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงในระดับที่เพียงเพื่อป้องกันผลขาดทุนจำนวนมากที่เหนือความคาดหมายจากธุรกรรมดังกล่าวโดยจะเห็นได้จากการปรับปรุงระบบการบริหารจัดการความเสี่ยงของเงินลงทุนในตราสารหนี้ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นหลังจากที่บริษัทประสบผลขาดทุนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563
บริษัทมีนโยบายการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ค่อนข้างระมัดระวัง เช่น นโยบายการวางหลักประกันสำหรับทั้งเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดที่ผันผวนเป็นอย่างมาก โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทมีต้นทุนทางเครดิตที่ปรับเป็นตัวเลขเต็มปีแล้วที่ระดับ 3.4% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 0.1% จากผลขาดทุนทางด้านเครดิตจากธุรกรรมบล็อคเทรดในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงในเดือนมีนาคม 2563
สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับปานกลาง
บริษัทมีสถานะแหล่งเงินทุนในระดับปานกลางด้วยอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพที่ระดับประมาณ 73% โดยเฉลี่ย 4 ปี (2562-2565) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 อัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพของบริษัทอยู่ที่ระดับ 62.6% ลดลงจากระดับ 148.3% ในปี 2561 จากการลดทุนประมาณ 1 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 2562 และจากขนาดของเงินลงทุนที่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบริษัทแม่คือบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ในรูปของหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวนทั้งสิ้น 940 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562
บริษัทยังมีสถานะสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอด้วยอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องโดยเฉลี่ย 4 ปีที่ระดับประมาณ 1.1 เท่า ทั้งนี้ สถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินให้แก่บริษัท โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อจำนวนทั้งสิ้น 1.8 พันล้านบาทจากสถาบันการเงินหลายแห่ง
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 มีดังนี้
- ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 2%
- อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.08%
- อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับประมาณ 60%
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ว่า บริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกที่เป็นบริษัทหลักของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และจะยังคงมีสัดส่วนกำไรสุทธิและฐานทุนที่คิดเป็นนัยสำคัญต่อกำไรสุทธิและฐานทุนของกลุ่มต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้ เนื่องจากอันดับเครดิตของบริษัทนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามอันดับเครดิตของบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือสถานะในการเป็นบริษัทย่อยขอบริษัทที่มีต่อบริษัทคันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ นั้นเปลี่ยนแปลงไป
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- Securities Company Rating Methodology, 9 เมษายน 2563
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (CGS)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ