WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

MBKETธีรเศรษฐ์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ประเมินผลกระทบที่มีต่อนโยบายใหม่
ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่ง ธนาคารพาณิชย์งดปันผลซื้อคืนหุ้น

          นายธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์ นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่าผลกระทบที่มีต่อนโยบายใหม่ จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยออกคำสั่ง ธนาคารพาณิชย์งดปันผลซื้อคืนหุ้น โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกคำสั่งขอให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในไทย จัดทำแผนบริหารจัดการเงินกองทุนในระยะเวลา 1-3 ปี พร้อมกับงดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานปี 2563 และห้ามซื้อหุ้นคืนหรือไถ่ถอนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด

          การออกมาตรการเพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและควบคุมให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น สะท้อนมุมของ ธปท. ที่ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังแย่กว่าที่คาดไว้ บวกกับมีความกังวลต่อผลของมาตรการต่างๆ ที่มีออกมาเพื่อช่วยเหลือเยียวยาลูกหนี้ช่วงก่อนหน้านี้ อาจส่งผลกระทบต่อสถานะเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งประเมินว่าผลจากมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ กดดัน Sentiment ตลาดหุ้นไทยในภาพรวม จากการส่งสัญญาณของ ธปท.สะท้อนมุมมองที่เปลี่ยนไปในเชิงลบต่อธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะเศรษฐกิจ บวกกับการเข้าแทรกแซงของผู้กำหนดนโยบายที่เป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ กระทบเชิงลบมากกว่าต่อธนาคารพาณิชย์ที่จ่ายปันผลระหว่างกาล โดยปกติธนาคารพาณิชย์ ที่มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ได้แก่ BAY BBL KBANK KKP SCB (ส่วน TCAP ที่ถือหุ้น TMBThanachat ที่ 20.4% หลังควบรวมระหว่าง TMB และ TBANK ไม่อยู่ภายใต้การกำกับของ ธปท.) โดยคาดว่าปันผลระหว่างกาลที่จะหายไปรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 1.43 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลในปี 2563 สำหรับ SET Banking ลดลงประมาณ 1.15% และสำหรับ SET ลดลงเล็กน้อยประมาณ 0.1%

          อีกทั้งยังอาจเกิด Sector Rotation สู่หุ้นขนาดใหญ่/ปันผลสูงกลุ่มอื่นแทน ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารฯ ปัจจุบัน (19 มิ.ย.) ปิดที่ 304.21 จุด ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ 235.81 จุด ประมาณ 29% ถือเป็นจุดที่นักลงทุนบางกลุ่มมีกำไรซึ่งพบว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามา ในช่วงเวลาดังกล่าวมาจากนักลงทุนสถาบันฯ ซื้อสุทธิ 5.8 หมื่นล้านบาท และโดยส่วนใหญ่คือกองทุนรวมในประเทศที่โดยปกติจำป็นต้องปรับพอร์ทการลงทุนให้สอดคล้องกับนโยบายการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผลเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสูงที่จะสลับเข้าซื้อหุ้น High Yield อื่นทดแทนเงินปันผลกลุ่มธนาคารที่หายไป โดยเงื่อนไขที่น่าจะถูกเข้าซื้อคือมีอัตราการจ่ายปันผลระหว่างกาลสูงเทียบเคียงกับระดับ 1.15% ของกลุ่มธนาคารฯและแนวโน้มกำไร 2H63 ฟื้นตัวหรือดีต่อเนื่อง

          คำแนะนำในเชิงกลยุทธ์ 1. เลือกลงทุนสลับกลุ่ม : หุ้น Big Cap ปันผลระหว่างกาลสูง แนวโน้มกำไร 2H63 ดี เป้าหมายการสลับกลุ่มเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบันฯ เลือก INTUCH, SCC, PTTGC, CPF 2. กลุ่มธนาคาร : เลี่ยงการลงทุน จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในเชิงลบ บวกกับการเข้าแทรกแทรงของ ธปท. ที่จะลดทอนความน่าสนใจในมุมมองนักลงทุนต่างชาติเมื่อเทียบกับภูมิภาค


AO6445

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!