WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 11ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กร 'บล. ธนชาต' เป็น 'A-' จาก 'A+' แนวโน้ม 'Stable'

 

     ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ 'A-' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' จากเดิมที่ระดับ 'A+' ภายใต้ 'เครดิตพินิจ''Negative' หรือ 'ลบ' โดยสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ก่อนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ในปี 2562 ทั้งนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนสถานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาตซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 51% ด้วย

      อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนสถานะทางการตลาดที่แข็งแรงและมั่นคงของบริษัทในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ตลอดจนความสามารถในการทำกำไรที่ไม่เสื่อมถอย ความเสี่ยงทางด้านเครดิตและการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ที่บริหารจัดการได้ รวมถึงการมีสภาพคล่องที่เพียงพอและเงินทุนที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการมีโครงสร้างรายได้ที่ไม่ค่อยหลากหลายเมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

เป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาต

       การพิจารณาอันดับเครดิตของบริษัทนั้นยังครอบคลุมไปถึงการเสริมความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้งอีกด้วย ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งนั้น บริษัทมีฐานะเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของบริษัททุนธนชาต เนื่องจากรายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญต่อรายได้ของบริษัททุนธนชาต

อย่างไรก็ตาม ระดับการเสริมความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตนั้นลดน้อยถอยลงไปจากเดิมอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท โดยก่อนหน้านี้ อันดับเครดิตของบริษัทมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของธนาคารธนชาตเป็นอย่างมากจากการที่ธนาคารถือหุ้น 100% ในบริษัทและให้การสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินแก่บริษัท แต่ในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการถือหุ้น อันดับเครดิตของบริษัทจึงมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของบริษัททุนธนชาตแทน

สถานะทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่แข็งแกร่งจากลูกค้าสถาบัน

        ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนมาจากส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในสัดส่วนถึง 10%-12% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาบริษัทที่จัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้ง งานวิจัยและฝ่ายขายที่แข็งแกร่งช่วยให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าสถาบันเอาไว้ได้ โดยฐานลูกค้าดังกล่าวเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ค่อนข้างคงที่มาโดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในแง่ของส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว บริษัทยังคงอยู่ในอันดับที่ 5 หรือมีส่วนแบ่งคิดเป็น 4.6% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562

การกระจายตัวของแหล่งรายได้อยู่ในระดับปานกลาง

               บริษัทมีการพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นแหล่งรายได้หลักในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม ซึ่งอาจส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทมีความผันผวนจากภาวะตลาดได้ในระดับหนึ่ง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทคิดเป็น 65% ของรายได้รวม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 54% รายได้จากแหล่งอื่นของบริษัทยังประกอบไปด้วย ดอกเบี้ยจากบริการเงินกู้ยืมสำหรับซื้อหลักทรัพย์ในสัดส่วน 15% กำไรจากเงินลงทุนในสัดส่วน 4% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการอีก 3% ในระยะยาวบริษัทมีกลยุทธ์ที่จะขยายผลิตภัณฑ์ด้านตราสารอนุพันธ์และธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง ซึ่งหากประสบความสำเร็จก็จะช่วยให้บริษัทมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวมากยิ่งขึ้น

การบริหารต้นทุนเชิงรุก

               ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะยังดำรงความสามารถในการทำกำไรต่อไปได้ในระยะปานกลาง โดยในด้านของต้นทุนนั้น บริษัทมีแผนจะลดจำนวนสาขาลงอีก ส่วนในด้านของรายได้นั้น บริษัทมีแนวโน้มที่จะสร้างรายได้มากขึ้นจากการเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการเพิ่มเติม เช่น บริการบริหารความมั่งคั่ง แม้ว่ารายได้นั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปอันเนื่องมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมก็ตาม

ทั้งนี้ กลยุทธ์การควบคุมต้นทุนส่งผลดีต่อบริษัทอย่างเห็นได้ชัดในช่วงตลาดขาลง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดลดลง นั้น กำไรก่อนหักภาษี (ก่อนรายได้พิเศษ) ของบริษัทลดลง 56% ซึ่งเป็นระดับการลดลงที่ต่ำกว่าของอุตสาหกรรมที่ระดับ 65% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 โดยบริษัทมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิที่ระดับ 61% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหากรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 72%

ความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้

      ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าบริษัทมีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ในระดับที่บริหารจัดการได้เนื่องจากบริษัทมีพยายามรักษาระดับเงินลงทุนให้อยู่ในจำนวนที่ไม่สูงมาก อีกทั้งการลงทุนโดยบัญชีของบริษัทเองก็ใช้กลยุทธ์ที่ไม่ผันผวนไปตามตลาดโดยเน้นที่การป้องกันความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเสนอขายเท่านั้น เงินลงทุนของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (19% ของสินทรัพย์รวม) หลังจากที่บริษัทได้ขายเงินลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องออกไปให้แก่ธนาคารธนชาตในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มธนชาต โดยการขายเงินลงทุนดังกล่าวทำกำไรจำนวน 1.6 พันล้านบาทให้แก่บริษัท

ความเสี่ยงทางด้านเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับปานกลางจากการมีนโยบายการควบคุมความเสี่ยงด้านเครดิตที่รัดกุม โดย ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทมีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์อยู่ที่จำนวน 3.1 พันล้านบาท ลดลงจาก 3.8 พันล้านบาทในปี 2561 และคิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 4.9% ทั้งนี้ บริษัทมีเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์คิดเป็น 0.9 เท่าของส่วนทุนและไม่มีภาระการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นสำหรับหนี้สูญในปี 2562 อีกด้วย

สถานะสภาพคล่องและแหล่งเงินทุนที่เพียงพอ

       บริษัทมีแหล่งเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยวัดจากอัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพรวม ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2562 อัตราส่วนแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพรวมซึ่งวัดจากแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพที่มีอยู่เปรียบเทียบกับความจำเป็นในการใช้เงินทุนที่มีเสถียรภาพนั้นอยู่ที่ระดับ 151.4% อีกทั้งบริษัทยังมีสภาพคล่องที่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องชั่วคราวได้เมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจในปัจจุบัน นอกจากนี้ อัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่องซึ่งคำนวณจากแหล่งที่มาของสภาพคล่องเทียบกับความต้องการในการใช้สภาพคล่องของบริษัทก็คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับเพียงพอที่ 0.8 เท่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.3 เท่าในปี 2562 ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางด้านแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องจากธนาคารธนชาตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจะเปลี่ยนไป โดยบริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อจากธนาคารธนชาตจำนวน 5 พันล้านบาท ซึ่ง ณ เดือนมกราคม 2563 วงเงินดังกล่าวจำนวน 94% นั้นบริษัทยังไม่ได้เบิกมาใช้

ฐานทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

     ทริสเรทติ้ง ยังคาดด้วยว่า เงินทุนของบริษัทซึ่งวัดจากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงจะอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 20% ต่อไปในอีก 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งบ่งบอกว่าบริษัทจะยังคงมีฐานทุนที่แข็งแรงเพียงพอรองรับการขาดทุนที่เหนือความคาดหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงด้านเครดิต รวมถึงความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงราคาหลักทรัพย์ และความเสี่ยงด้านการดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่ธนาคารธนชาตได้เพิ่มทุนจำนวน 1.5 พันล้านบาทให้แก่บริษัทในปี 2562 ก่อนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่ม อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทก็ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21.4% ในปี 2562 จากระดับ 7.7% ในปี 2561

ทั้งนี้ ฐานทุนที่แข็งแกร่งเมื่อรวมกับความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแรงซึ่งเห็นได้จากอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงเฉลี่ย 5 ปีของบริษัทที่ระดับ 4.3% นั้นส่งผลทำให้บริษัทมีเกณฑ์ของฐานทุน ตลอดจนการก่อหนี้ และกำไรอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าคุณภาพรายได้ของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ปานกลางเนื่องจากรายได้ประจำจากค่าธรรมเนียมและบริการนั้นยังอยู่ในเกณฑ์จำกัด

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งสำหรับบริษัทในระหว่างปี 2563-2565 มีดังนี้

  • • ส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ระดับประมาณ 3%
  • • อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับประมาณ 0.14%
  • • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ที่ระดับประมาณ 47%

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' สะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้โดยที่ส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และความสามารถในการทำกำไรจะยังคงอยู่ในระดับที่ดี อีกทั้งแนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงซึ่งเป็นมาตรวัดความแข็งแรงของฐานทุนให้อยู่ในระดับที่สูงเกินกว่า 15% ได้ในระยะปานกลาง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

        อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 24% อย่างต่อเนื่องในขณะที่บริษัทสามารถรักษาความแข็งแกร่งของส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เอาไว้ได้และมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวมากขึ้น ในทางกลับกัน อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับแรงกดดันหากอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทลดต่ำกว่า 15% นานอย่างน้อย 2 ปีติดต่อกัน หรือบริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง หรือบริษัทมีความสามารถในการทำกำไรซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- Securities Company Rating Methodology, 9 April 2020

บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

        บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

       ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!