- Details
- Category: บล.
- Published: Monday, 13 October 2014 18:40
- Hits: 3218
ส.นักวิเคราะห์ เพิ่มเป้าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้เป็น 1574 จุด รับอานิสงส์รัฐเดินหน้าโรดแมพ ศก. ส่วนปี 58 คาดดัชนี 1706 จุด
ส.นักวิเคราะห์ เพิ่มเป้าดัชนีฯสิ้นปีนี้เฉลี่ยที่ 1574 จุด ปีหน้า 1706 จุด แต่ลด EPS Growth เหลือ 8.5% ระบุอานิสงส์มาตรการกระตุ้น ศก.หนุนตลาดหุ้น ชี้หากโรดแมพไม่สะดุด-งบQ3 บจ.ดีตามคาด มีลุ้นสิ้นปีแตะ1600 จุด เผยระหว่างทางกรณีพักฐานลึกสุดที่ 1480 จุด อิงพี/อี 15 เท่า ขณะที่แรงขายต่างชาติเริ่มชะลอแล้ว หนุนรัฐปรับโครงสร้างพลังงาน-เก็บภาษีที่ดิน-ต่ออายุสิทธิประโยชน์ LTF
นางภรณี ทองเย็น อุปนายก สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผย ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ ประจำเดือนตุลาคม2557 ว่า นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ สิ้นปี 2557 เฉลี่ย 1574 จุด ปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 1484 จุด รวม 90 จุดโดยได้รับแรงหนุนจาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเป็นหลัก ตามด้วยการขยายตัวของผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้น ส่วนปี 2558 คาดดัชนีที่ 1706 จุด
อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth)ปี 57 เฉลี่ยที่ 8.5% ปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 10.3% และประเมินปี 2558ไว้ที่เฉลี่ย 14.2% เทียบกับประมาณการครั้งก่อนหน้าที่ 12.9%
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสที่สิ้นปีดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับมาได้ที่ระดับ 1600 จุด หากรัฐบาลเดินหน้าการลงทุนต่างๆ ตามที่วางแผนเอาไว้ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ไตรมาส 3 ออกมาดีตามคาดการณ์ แต่ทั้งนี้ หากผลประกอบการ บจ.ออกมาไม่ดีนัก รวมทั้งตลาดไม่ได้มีพัฒนาการอื่นๆ เพิ่มเติม อาจทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,500-1,550 จุด
“ดัชนีที่ระดับ 1600 จุดมันมีความเป็นไปได้ แต่นั่นหมายความว่าภาครัฐเดินหน้าตามแผน ผลประกอบการ บจ.ออกมาดีตามคาดการณ์”นางภรณี กล่าว
สำหรับ ตลาดหุ้นช่วงนี้อยู่ในช่วงปรับฐาน เนื่องจากที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นไปค่อนข้างมากแล้ว รวมถึงภาวะตลาดในปัจจุบันเริ่มสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น ล่าสุด ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงเหลือ 90 ดอลลาร์ต่อบาเรล จากเดิมที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาเรลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน และส่งผลกระทบต่อภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนทั้งตลาดลดลงด้วย
“ในกรณีที่เลวร้ายสุดมีโอกาสที่ดัชนีจะลงไปอยู่ที่ 1,480 จุด หรือ พี/อี 15 เท่า จากปัจจุบันที่ 16 เท่า หรือในแง่ดีอยู่ที่ 1,521 จุด หรือ พี/อี 15.5 เท่า”นางภรณี กล่าว
สมาคมฯ คาดว่าทั้งปีต่างชาติยังมีสถานะขายสุทธิประมาณหลักหมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมามีการเทขายออกไปค่อนข้างมาก โดยสิ้นปี 56 ต่างชาติขายสุทธิ 150,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แรงขายของต่างชาติส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่น หลังประกาศใช้กฎอัยการศึก
“ตอนนี้คงขายน้อยแล้ว จากช่วงที่ผ่านมา โดยพอมีแรงเทขายประมาณ 10,000 ล้านบาท ก็มีแรงซื้อกลับสุทธิประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท ทำให้เงินที่ไหลออกไม่ค่อยมาก หลังจากนี้คงต้องจับตาดูสภาปฏิรูปว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร ซึ่งหากจัดตั้งแล้วเสร็จจะนำไปสู่การยกเลิกกฎอัยการศึก และส่งผลดีต่อภาพรวมตลาด”นางภรณี กล่าว
นอกจากนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ ยังได้คาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปี 2557 ไว้ที่เฉลี่ย 18,681 บาทต่อบาททองคำซึ่งปรับลดลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 20,494 บาทต่อบาททองคำ ในขณะที่ราคาทองคำสิ้นปี 2558 คาดว่าจะปรับขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่เฉลี่ย 19,540 บาทต่อบาททองคำ เทียบกับประมาณการครั้งก่อนที่ 20,875 บาทต่อบาททองคำ
นางภรณี กล่าวต่อว่า ผลสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ด้านตัวเลขจีดีพี นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีปีนี้ลง 0.5% มาอยู่ที่เฉลี่ย 1.6% จากครั้งก่อนที่คาดการณ์ 2.1% และปี 2558 คาดจีดีพีโต 4.3% ใกล้เคียงกับประมาณการครั้งก่อนที่4.5% ส่วนดอกเบี้ยนโยบายสิ้นปีนี้จะคงอยู่ที่ 2% และปรับขึ้นเป็น 2.4% ในปี 2558(เท่ากับประมาณการครั้งก่อน) ด้านค่าเงินบาทสิ้น ปี นี้อยู่ที่ 32.80 บาทต่อดอลลาร์ และปี 2558 อยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ (เท่ากับประมาณการครั้งก่อน)
นักวิเคราะห์ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการไม่ต่ออายุสิทธิประโยชน์ของกองทุน LTF ที่ จะหมดอายุในปี 2559 เนื่องจากมองว่าLTF เป็นการออมเงินในระยะยาว ซึ่งควรได้รับการส่งเสริม ในขณะที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน เนื่องจากเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ลดการบิดเบือนกลไกราคาและลดภาระให้รัฐบาล
ทั้งนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีเงินกองทุนจาก LTF เฉลี่ยปีละ 40,000 ล้านบาทเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้เวลามีวิกฤตต่างๆ ที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทย ทำให้เม็ดเงินในกองทุนดังกล่าวสามารถมาช่วยพยุงตลาดได้ค่อนข้างมาก สำหรับปีนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงก.ย. 57 มีเม็ดเงินจาก LTF เข้ามาแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเข้ามาอีก 28,000 ล้านบาท และประเมินว่าจะทำให้มีเม็ดเงินรวมจากกองทุน LTF ปีนี้ใกล้เคียงหรือมากกว่าค่าเฉลี่ย 4 ปีที่ผ่านมา
“ปัจจุบันยังมีคนที่ไม่ได้มีการซื้อกองทุนดังกล่าวค่อนข้างมาก ทำให้กองทุน LTF ยังมีโอกาสเติบโตได้ค่อนข้างมาก ซึ่งการยกเลิกสิทธประโยชน์ทางภาษีประชาชนไม่ค่อยกังวลมากนัก เพราะในปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้ายังได้รับสิทธิประโยชน์อยู่”นางภรณี กล่าว
เช่นเดียวกับแนวทางภาครัฐที่จะมีการเก็บภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง สมาคมฯ ก็เห็นด้วยเนื่องจากจะช่วยลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนแล้ว ยังลดการเก็งกำไรที่ดินด้วย นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับการปฏิรูปพลังงาน เนื่องจากจะช่วยสะท้อนกับต้นทุนที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร
“การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะเก็บจากคนที่มีทีดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็จะช่วยลดการเก็งกำไร ลดช่องว่างคนรวยคนจนด้วย”นางภรณี กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย