- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 16 April 2019 21:17
- Hits: 2219
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร 'บล.ธนชาต'ที่ 'A+' แนวโน้มเครดิตพินิจ 'Negative'
ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A+' ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทได้รับการแทนที่ด้วยเครดิตพินิจ (CreditAlert) แนวโน้ม ‘Negative’ หรือ ‘ลบ’ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ING Groep N.V. (ING) และ Bank of Nova Scotia Ltd. (BNS) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อดำเนินการรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ทั้งนี้ เครดิตพินิจแนวโน้ม ‘Negative’ สื่อความว่าอันดับเครดิตของบริษัทอาจไม่เปลี่ยนแปลงหรืออาจได้รับการปรับลดลงจากในระดับปัจจุบันเมื่อทริสเรทติ้งทำการทบทวนเครดิตพินิจในคราวต่อไป
อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกซึ่งมีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต (อันดับเครดิต “AA-/Stable”) โดยอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทมาจากความสามารถในการรักษากำไรในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง รวมถึงจากการมีสภาพคล่องที่เพียงพอ การมีฐานทุนที่เข้มแข็ง และแนวโน้มที่จะได้รับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตที่จำกัด อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากการที่บริษัทพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นแหล่งรายได้หลัก
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต
อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากอันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยธนาคารธนชาตและเป็นสมาชิกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของธนาคารธนชาต โดยบริษัทได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจและในด้านการเงิน บริษัทได้ใช้ประโยชน์จากสาขาของธนาคารธนชาตในการขยายฐานลูกค้ารายย่อย โดยในปี 2561 สัดส่วน 14% ของบัญชีเปิดใหม่ของบริษัทล้วนเป็นลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารธนชาต และรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากบัญชีลูกค้าที่ผ่านการแนะนำโดยธนาคารแม่ก็คิดเป็นสัดส่วนถึง 10% ของรายได้ค่านายหน้าทั้งหมดของบริษัทในปี 2561
บริษัทยังสามารถนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการของธนาคารธนชาตมาใช้ต่อยอดการให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัทอย่างครบวงจร อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจและรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จากบริษัทในกลุ่มธนชาตอีกด้วย นอกเหนือจากความช่วยเหลือในการดำเนินธุรกิจแล้ว ธนาคารธนชาตยังให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทผ่านการให้วงเงินสินเชื่ออีกด้วยเช่นกัน
ความสามารถในการทำกำไรมาจากผลของการบริหารค่าใช้จ่ายที่เข้มแข็ง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะคงความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจากความพยายามในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของบริษัทปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 7.3% ในปี 2561 จาก 6.3% ในปี 2560 แม้ว่าจะยังคงมีแรงกดดันต่ออัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของอุตสาหกรรมก็ตาม ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิของบริษัทลดลงมาอยู่ที่ 50.3% ในปี 2561 จาก 52.2% ในปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ผลกระทบต่อรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลงของบริษัทยังเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากบริษัทยังคงสามารถรักษาอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยไว้ได้ท่ามกลางสงครามราคาในอุตสาหกรรม โดยอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ระดับ 0.14% ในปี 2561 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปี 2560 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 0.10% ในปี 2561 ส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ 4.8% ณ เดือนมิถุนายน 2561 หรือติดอันดับ 1 ใน 5 ลำดับแรกของอุตสาหกรรมแม้ว่าส่วนแบ่งทางการตลาดในเชิงมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทจะลดลงก็ตาม นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากตราสารอนุพันธ์มาช่วยเสริมรายได้อีกด้วย และทริสเรทติ้งก็คาดว่ารายได้ของบริษัทในส่วนนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
สภาพคล่องที่เพียงพอและระดับเงินทุนที่แข็งแรง
ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องชั่วคราวเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจในปัจจุบันได้ ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินหลายแห่งนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อที่บริษัทได้รับจากธนาคารธนชาต นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินทรัพย์สภาพคล่อง (เงินสดและเงินลงทุน) คิดเป็น 33.5% ของสินทรัพย์รวม ณ เดือนมิถุนายน 2561 อีกด้วยโดยเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 37.6%
ถึงแม้ว่าอัตราส่วนชี้วัดโครงสร้างเงินทุนของบริษัทซึ่งวัดโดยอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับปรุงตัวเลขแล้วจะอยู่ในทิศทางที่ปรับตัวลดลง แต่ฐานทุนของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 3,072 ล้านบาท ณ ปลายปี 2561 ก็มีเพียงพอที่จะดูดซับความเสี่ยงด้านเครดิตจากเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และความเสี่ยงจากความผันผวนด้านราคาของหลักทรัพย์ในเงินลงทุนของบริษัท
ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์ที่ปรับปรุงตัวเลขแล้วอยู่ที่ 42.8% ลดลงเล็กน้อยจาก 44.3% ในปี 2560 โดย ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่อหนี้สินทั่วไปอยู่ที่ระดับ 38% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 7% ที่ทางการกำหนด
ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์และความเสี่ยงด้านเครดิตอยู่ในระดับต่ำ
บริษัทมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากการลงทุนโดยบัญชีของบริษัทเองถูกจำกัดอยู่ในกลยุทธ์ที่ไม่ผันผวนตามตลาด ซึ่งประกอบด้วยการลงทุนแบบ Arbitrage และการซื้อขายเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เสนอขายโดยบริษัท บริษัทมีเงินลงทุนที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงในตราสารทุนของบริษัทจดทะเบียน 2 แห่งซึ่งคิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท หรือ 63.7% ของเงินลงทุนทั้งหมด และเงินลงทุนเหล่านี้สร้างรายได้เงินปันผลที่ดีให้แก่บริษัทตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนจะจำหน่ายเงินลงทุนส่วนนี้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหมายความว่าบริษัทยังคงมีความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาหลักทรัพย์อยู่ในระดับหนึ่ง ถึงกระนั้น ทริสเรทติ้งก็เชื่อว่าความเป็นไปได้ที่เงินลงทุนดังกล่าวจะก่อให้เกิดผลขาดทุนจากเงินลงทุนนั้นมีค่อนข้างต่ำเนื่องจากเงินลงทุนในส่วนนี้มีต้นทุนที่ต่ำนั่นเอง
บริษัทมียอดเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ค่อนข้างมากที่จำนวน 4,580 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้นจาก 3,710 ล้านบาท
ณ สิ้นปี 2560 หรือคิดเป็น 6.3% ของอุตสาหกรรม หรือ 1.5 เท่าของฐานทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งเชื่อว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของบริษัทอยู่ในเกณฑ์จำกัดเนื่องจากบริษัทมีนโยบายการให้เงินกู้เพื่อซื้อหลักทรัพย์ที่ระมัดระวัง ซึ่งรวมไปถึงการเรียกหลักประกันเพิ่ม การบังคับขายที่เคร่งครัด และการคงนโยบายในการกำหนดเกณฑ์ของหลักประกันที่เข้มงวด ซึ่งส่งผลให้บริษัทไม่มีภาระการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นสำหรับหนี้สูญ
การพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์
รายได้ของบริษัทอาจมีความผันผวนเนื่องจากบริษัทพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เป็นแหล่งรายได้หลัก โดยรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็น 67.6% ของรายได้รวมของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 61.5% ทั้งนี้ การพึ่งพารายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทได้สร้างแรงกดดันต่อรายได้รวมของบริษัทจากสภาพการณ์ในการแข่งขันค่านายหน้าที่รุนแรงหลังจากการเปิดเสรี อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ได้หลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดมูลค่าการซื้อขายและเพื่อลดแรงกดดันดังกล่าว ซึ่งเห็นได้จากอัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทที่ปรับตัวลดลงช้ากว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน สัดส่วนจากรายได้ส่วนอื่นต่อรายได้รวมของบริษัทยังคงมีจำกัด โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการซึ่งส่วนใหญ่มาจากรายได้การเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักทรัพย์และที่ปรึกษาทางการเงินนั้นมีสัดส่วนคิดเป็น 4.3% ของรายได้รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 12.0% สัดส่วนกำไร (ขาดทุน) จากการซื้อขายหลักทรัพย์ต่อรายได้รวมของบริษัทก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมโดยคิดเป็น 5.0% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 8.0% อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะขยายและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เสนอขาย เช่น ตราสารอนุพันธ์ ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระจายแหล่งรายได้ของบริษัทอย่างค่อยเป็นค่อยไปและช่วยรักษาเสถียรภาพทางรายได้ของบริษัทท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรง
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
• อัตราค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยจะลดลง 0.01% ต่อปีในช่วงปี 2562-2564 จาก 0.15% ในปี 2561
• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้สุทธิจะอยู่ระหว่าง 50%-52% ในช่วงปี 2562-2564
• อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 5%-7% ในช่วงปี 2562-2564
แนวโน้มอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของบริษัทอ้างอิงจากสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนชาตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เครดิตพินิจแนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” ของบริษัทนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่อันดับเครดิตของบริษัทอาจจะไม่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงกับธนาคารธนชาต ซึ่งปัจจุบันธนาคารธนชาตเป็นธนาคารแม่ที่ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท เมื่อมีการรวมธนาคารธนชาตและธนาคารทหารไทยเป็นธนาคารใหม่ และ/หรือเมื่อบริษัทกลายเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยบริษัททุนธนชาต
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตของบริษัทอาจคงอยู่ที่ระดับเดิมหรือได้รับการปรับลดลงจากในระดับปัจจุบันซึ่งขึ้นอยู่กับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มธนชาตและสถานะของบริษัทที่มีต่อกลุ่มผู้ถือหุ้นใหม่และอันดับเครดิตของผู้ถือหุ้นดังกล่าว
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- การจัดอันดับเครดิตบริษัทหลักทรัพย์, 21 ธันวาคม 2560
- Group Rating Methodology, 10 กรกฎาคม 2558
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) (TNS)
อันดับเครดิตองค์กร: A+
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Negative
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ [email protected] โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2562 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้
ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html