- Details
- Category: บล.
- Published: Tuesday, 17 April 2018 14:13
- Hits: 1325
บล.ไทยพาณิชย์ คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ย้ำเป้า SET index ปลายปีนี้ที่ 1900 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทย รับอานิสงส์จากปัจจัยหนุนภายในประเทศ ทั้งการลงทุนภาครัฐและเอกชน การกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศด้วยงบกลางปี หนุนเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง ทำให้สินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ภาคธนาคารดีขึ้น มั่นใจ SET index ปลายปีนี้ปรับตัวไปสู่เป้าหมาย 1900 จุด สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ถึงคิวมองหาหุ้นเติบโตดีที่ราคายังไม่แพง ชูกลุ่มธนาคาร กลุ่มพาณิชย์ และ กลุ่มโรงพยาบาล
นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกปิดฉากปี 2560 อย่างสวยงาม โดยประเมินอัตราการขยายตัวที่ 3.7% YoY และดูเหมือนว่าโมเมนตั้มจะดีต่อเนื่องในปี 2561 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน คือ สถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็วกว่าคาดและแนวโน้มที่อาจจะเกิดสงครามการค้าโลก ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยขยายตัว 3.9% ในปี 2560 อย่างไรก็ดี แนวโน้มการเติบโตในปี 2561 ยังดูดีโดยมีสัญญาณจากการลงทุนภาคเอกชนที่ฟื้นตัวดีขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายอุปโภคบริโภคยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีก่อน เมื่ออิงกับประมาณการเศรษฐกิจล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะขยายตัว 3.9% YoY ในปีนี้ เร่งตัวขึ้นจากการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะยังคงหนุนภาคส่งออกของไทยควบคู่ไปด้วย
ปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงหลักๆ 2 อย่างเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกและตลาดการเงิน ได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยหรือต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลฉุดรั้งความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญอยู่ที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเนื่องจากปัจจัยกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก จากตลาดแรงงานที่ตึงตัวขึ้น และ output gap เป็นบวกมากขึ้นซึ่งบ่งบอกว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตตึงตัวมากขึ้นสอดคล้องกันในหลายๆ ภาคธุรกิจ ชี้ให้เห็นว่าโมเมนตั้มการเติบโตอาจแข็งแกร่งกว่าคาดในสหรัฐฯ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น 4 ครั้งในปีนี้ เร็วกว่าที่ตลาดคาดว่าน่าจะขึ้นเพียง 3 ครั้ง
“SCBS มองว่า ความกังวลที่จะเกิดสงครามการค้าทั่วโลกกลับมาอีกครั้ง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเมื่อปลายปี 2559 สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าแผงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องซักผ้า เหล็ก อลูมิเนียม ซึ่งแม้จะมีการผ่อนปรนให้กับคู่ค้าบางประเทศเช่น ออสเตรเลีย แคนนาดา เม็กซิโก ฯลฯ แต่การประกาศเตรียมขึ้นภาษีระรอกล่าสุดที่มีการตอบโต้ไปมาระหว่างสหรัฐฯ และจีนดูเหมือนจะทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้ามากขึ้น”
กลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาส 2 ปี 2561 SET index ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 4% นับตั้งแต่ต้นปี 2561 จนถึงกลางเดือนมี.ค. หลักๆ ได้รับปัจจัยกระตุ้นจากกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี คาดว่า SET index จะเคลื่อนไหวแบบ sideways ในไตรมาส 2 ปี 2561 และยังคงเป้า SET index สิ้นปี 61 ไว้ที่ 1900 จุด สำหรับหุ้น Top Picks ประจำไตรมาส 2 ปี 2561 เลือกกลุ่มธนาคาร เพราะสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้เลือกกลุ่มพาณิชย์เพราะงบประมาณกลางปีจะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายรากหญ้า สุดท้าย กลุ่มการแพทย์ เนื่องจากเป็นหุ้น laggard และกำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน ปี 2561 ประกอบกับ เทรนด์ใหม่ของธุรกิจประกันสุขภาพซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายด้านสุขภาพของประเทศไทยในระยะยาว
· บมจ. กรุงเทพ (BBL): หุ้น laggard paly ที่ดีที่สุดในกลุ่มธนาคารเพราะจะได้รับประโยชน์จากวัฏจักรการลงทุนรอบใหม่และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายสินค้ากลุ่มประกันชีวิตจะเพิ่มขึ้น
· บมจ.กรุงไทย (KTB): ราคา laggard ซื้อขายที่ PBV 0.9 เท่า (-1SD จากค่าเฉลี่ย 15 ปี ) เติบโตตามการลงทุนภาครัฐและวัฏจักรการลงทุนระรอกใหม่ของประเทศ
· บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC): ราคา laggard ซื้อขายที่ PEG ปี 61 ระดับ 1.0 เท่า (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 2.2 เท่า) คาดกำไรเติบโต 33% ในปี 61
· บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL): หุ้น laggard มากที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ กำไรปี 61 จะเติบโต 22% โดยได้รับปัจจัยกระตุ้นจาก SSS ที่เติบโต 4.5% (ดีที่สุดในกลุ่มพาณิชย์)
· บมจ.โรบินสัน (ROBINS): ถูกที่สุดในกลุ่มพาณิชย์ที่ PE ปี 61 ระดับ 22 เท่า (ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 32 เท่า) และกำไรจะเติบโต 16% เพราะ SSS และอัตรากำไรจะปรับตัวดีขึ้น
· บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS): ราคาหุ้นยังปรับขึ้นน้อยกว่า SET นับตั้งแต่ตลาดเริ่มปรับตัวขึ้นในเดือนก.ย. 60 EPS จะเติบโต 17% ในปี 61 และมีการจับมือกับบริษัทประกันซึ่งจะทำให้รายได้จากผู้ป่วยประกันสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว
· บมจ.โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG): ราคาหุ้นลดลง 28% ใน 1 ปีที่ผ่านมาเพราะกังวลเรื่องการแข่งขันขยายกิจการสู่พื้นที่ EEC และพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งรพ.เอกชนคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5-15% ของจำนวนเตียงทั้งหมด
SCBS still upbeat on 1,900 point SET index target late this year
SCB Securities Co., Ltd. (SCBS) is maintaining a positive perspective on the direction of the Stock Exchange of Thailand (SET), reiterating their earlier projection that the SET composite index will reach 1,900 points by late this year, boosted by state and private-sector investment, local spending stimulation from the mid-year budget, expected loan growth, and improved asset quality in the banking sector.
Mr. Isara Ordeedolchet, SCBS Senior Vice President, Investment Strategy Department, Research Group, said the overall global economy ended on a positive note in 2017 with a growth forecast of 3.7% year on year. It seems the world economic growth will gain momentum in 2018. Still, the investment atmosphere will be affected by a sooner-than-expected interest rate hike and an expected global trade war. The Thai economy continued growing at 3.9% in 2017 and is forecast to expand further in 2018, bolstered by private investment recovery and continued robust consumption from the previous year. Based on the latest economic forecast by the International Monetary Fund (IMF), the global economy is projected to grow 3.9% this year, driven by an upward revision of the United States economic forecast. Under the circumstances, Thailand’s exports will continue growing.
At present, he said, there are two main risk factors posing a threat to the global economy and financial markets. First, mounting concerns over higher interest rates and financial costs might undermine investor confidence. US interest rates are likely to rise sooner than expected since the inflation rate is expected to accelerate in the wake of an intensified labor market. The output gap has also widened, indicating production capacity utilization is accelerating in many business sectors and growth momentum may be stronger than expected. Under this scenario, it is forecast that the US Federal Reserve will raise the policy interest rate 4 times this year, up from 3 times projected earlier. Second, SCBS forecasts concerns over a world trade war will re-emerge. Since the assumption of the US presidency by Donald Trump in late 2016, the US has imposed import tariffs on solar energy, washing machines, steel, and aluminum. Although the US relaxed tariff over for some trade partners, including Australia, Canada, and Mexico, the latest announcement of its plan to raise import tariffs, which led to retaliation by China, appeared to intensify tension and fueled concerns about the emergence of a trade war.
As for the investment strategy for the second quarter of 2018, Mr. Isara said that the SET index has risen around 4% from early this year to March, driven by a stock rally in the energy and petrochemical sectors. It is forecast the SET index will move sideways in the second quarter. However, SCBS maintained its SET index target at 1,900 points by the end of 2018.
Top picks recommended in the second quarter are stocks in the banking sector because loans are expected to grow again and asset quality will improve. SCBS picked stocks in the commerce sector since the government plans to set aside a mid-year budget to stimulate the economy and spending by people at the grassroots level. Health sector stocks are of interest because they are laggards, and profits are expected to grow robustly in 2018. The increased popularity of the health insurance business will help stir spending on healthcare in Thailand in the long term.
· Bangkok Bank PCL (BBL): This stock is the most attractive laggard play in the banking sector because it will benefit from a new round of investment and higher fees from the sale of non-life insurance products.
· Krungthai Bank PCL (KTB): This stock's price is a laggard trading at a price to book value (P/BV) ratio of 0.9 times (-1SD from an average of 15 years). The stock will grow in tandem with state investment and a new round of investment in the country.
· Berli Jucker PCL (BJC): This stock price is another laggard, with trading at a price/earnings to growth (PEG) ratio of 1.0 times in 2018 (the average ratio of the industry is 2.2 times). It is expected that profits will grow 33% in 2018.
· Siam Global House PCL (GLOBAL): This is the most laggardly stock in the commerce sector. Profits in 2018 are forecast to grow 22%, backed by same-store sales (SSS) growth of 4.5% (the best in the sector).
· Robinson PCL (ROBIN): This stock is the cheapest in the commerce sector, with a price/earnings ratio of 22 times in 2018 (the average ratio of the industry is 32 times). It is expected that profits will grow 16% due to better same-store sales (SSS) and profit rates.
· Bangkok Dusit Medical Services PCL (BDMS): This stock has been underperforming since the SET began to rise in September 2017. Earnings per share (EPS) is expected to grow 17% in 2018. Cooperation with insurance companies will boost revenue from the treatment of patients under the health insurance scheme in the long term.
· Chularat Hospital Group PCL (CHG): This stock has plunged 28% in the past year over concerns over competition in business expansion in the Eastern Economic Corridor and nearby areas. The number of beds in private-sector hospitals represents only 5-15% of the total.
Click Donate Support Web