- Details
- Category: ธปท.
- Published: Thursday, 01 June 2017 08:27
- Hits: 4767
ผู้ว่าธปท. ยัน พร้อมดูแลเงินบาทที่แข็งค่า แย้มเกณฑ์จรรยาบรรณผู้บริหารสถาบันการเงินจะประกาศใช้ 1-2 เดือนนี้
ผู้ว่าธปท.พร้อมใช้มาตรการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วเกินไปในช่วงนี้ วอนผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงมากขึ้น ยันมาตรการลดการออกพันธบัตรระยะสั้น หวังทำให้ต่างชาติชะลอการเก็งกำไรมากขึ้น แย้มอยู่ระหว่างทบทวนเกณฑ์กำกับจรรยาบรรณผู้บริหารสถาบันการเงิน คาดออกใช้ 1-2 เดือนนี้
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าธนาคารแห่งประเทศพร้อมใช้มาตรการดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็วในช่วงนี้ หลังจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าตามข่าวที่ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมออกนโยบายการปฏิรูปภาษีและนโยบายการคลังออกมา ประกอบกับเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกเติบโตสูงเร่งให้มีเงินทุนไหลเข้าไทย แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคไม่น่ากังวล
ทั้งนี้ เงินบาทที่เคลื่อนไหวใกล้หลุดระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐสะท้อนความผันผวนในตลาดกาเงินโลกมีสูง จึงขอให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนภาคธุรกิจที่ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเพียงร้อยละ 40 เท่านั้น และ ยินดีหากสภาผู้ส่ง ออกสินค้าทางเรือฯจะขอเข้าพบเพื่อหารือปัญหาเงินบาทแข็งค่ากระทบส่งออก
ส่วนกรณีที่นักวิเคราะห์วิจารณ์ว่ามาตรการลดการออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยระยะสั้นต่ำกว่า 1 ปีไม่ช่วยให้เงินบาทอ่อนค่านั้น เจตนาของธนาคารแห่งประเทศไทยต้องการให้ต่างชาติลงทุนในพันธบัตรระยะยาวซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้น แทนการมาพักเงินเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นแล้วทำให้ค่าเงินบาทผันผวนแต่จะดูแลสภาพคล่องในตลาดเงินให้เพียงพอ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ระหว่างทบทวนเกณฑ์การกำกับจรรยาบรรณผู้บริหารและกรรมการของสถาบันการเงิน คาดว่าจะออกคู่มือได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ เนื่องจากความคาดหวังว่าผู้บริหารต้องมีความรู้ความสามารถสูง จากบริการการเงินด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเงินยุคใหมที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
ส่วนการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ช้าแม้จะมีการลงทุนภาครัฐเกิดขึ้น เป็นผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ของผู้รับสัมปทาน จึงไม่ส่งงานต่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ ไม่เกิดมัลติพลายเออร์
สำหรับ งบดุลรายงาน ฐานะการเงินปี 59 ขาดทุนสุทธิ 1.39 แสนล้านบาท เทียบปี 2558 ซึ่งมี กำไรสุทธิ 9.42 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่า ทำให้มีกำไร แต่ ปีนี้ บาทแข็ง ทำให้มีผลขาดทุน แต่เป็นผลขาดทุนทางบัญชี ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะปีนี้ เงินทุนสำรองสูงขึ้น
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
