- Details
- Category: ธปท.
- Published: Monday, 02 May 2016 11:06
- Hits: 8809
ผู้ว่าธปท. เชื่อครม.ยืดเวลาคุ้มครองเงินฝากส่งผลดีต่อดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ หนุนการฟื้นตัวของศก.-ปชช.มีเวลาปรับตัว
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากออกไปว่า การขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากออกไป และจะทยอยลดวงเงินคุ้มครองแบบค่อยเป็นค่อยไปนั้น มีข้อดีสำหรับประชาชนผู้ฝากเงินที่จะได้มีเวลาปรับตัวและวางแผนทางการเงินเพิ่มขึ้น มีเวลามากขึ้นที่จะพิจารณาผลิตภัณฑ์การเงินที่จะมาทดแทนเงินฝากที่เหมาะสมกับตน
นอกจากนี้ การขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากดังกล่าว ยังอาจส่งผลดีต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในระบบ เพราะสถาบันการเงินไม่ต้องกังวลที่จะแข่งขันกันนำเสนอผลิตภัณฑ์เงินฝากอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพื่อจูงใจผู้ฝากเงินรายใหญ่ ส่งผลให้สถาบันการเงินบริหารต้นทุนดอกเบี้ยเงินฝากได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงอยู่ในระดับต่ำได้ต่อเนื่อง สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน
ผู้ว่า ธปท. กล่าวอีกว่า การขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝากออกไปและจะทยอยลดวงเงินคุ้มครองแบบค่อยเป็นค่อยไปนั้น ไม่ได้มีเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงของสถาบันการเงินแต่อย่างใด ในขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ไทยทุกแห่งมีฐานะเงินกองทุนที่เข้มแข็งและมีสภาพคล่องส่วนเกินอยู่ในระดับสูง
นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งได้เตรียมตัวพร้อมรับการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทต่อบัญชี ตามกำหนดการเดิมไว้แล้ว ซึ่งธปท.ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของเงินฝากในระบบสถาบันการเงินไทยอย่างใกล้ชิด และไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติแต่อย่างใด อินโฟเควสท์
สศค.ยันไม่พบการโยกย้ายเงินฝากอย่างมีนัยสำคัญจากผลการทยอยลดคุ้มครองเงินฝาก
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การปรับปรุงร่าง พ.ร.ฎ.กำหนดจำนวนเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองเป็นการทั่วไป พ.ศ... ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ ซึ่งจะมีการขยายเวลาการคุ้มครองเงินฝาก ทยอยปรับลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากลงนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากกระแสข่าวการโยกย้ายเงินฝากจากธนาคารพาณิชย์ไปยังธนาคารของรัฐแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมา สศค.ได้ติดตามข้อมูลต่างๆ อย่างใกล้ชิด และยังไม่พบการโยกย้ายเงินฝากอย่างมีนัยสำคัญ หรือเป็นผลมาจากการปรับลดการคุ้มครองเงินฝากอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ การปรับลดวงเงินการคุ้มครองเงินฝากนี้ มีความพยายามที่จะดำเนินการมาเป็นระยะเวลานานแล้ว และได้มีการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับปรุงให้มีความเป็นสากลมากขึ้น และเพื่อเป็นการให้เวลากับผู้ฝากเงินในการปรับตัว และบริหารจัดการเงินฝากได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
"เราพยายามทำเรื่องการคุ้มครองเงินฝากให้เป็นสากลมาขึ้นมานานแล้ว และที่ผ่านมาก็มีความพยายามและอยากจะเสนอให้มีการพิจารณาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ผ่านมาจนถึงทีมเศรษฐกิจชุดที่ผ่านมาจนมาสำเร็จในปัจจุบัน โดยยืนยันว่าสถานะของสถาบันการเงินของไทยยังแข็งแกร่งอย่างมาก อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ของระบบอยู่ในระดับสูงที่ 17.4% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 8.5% ถือว่าแข็งแรงและไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน" ผู้อำนวยการ สศค.กล่าว
อินโฟเควสท์