- Details
- Category: ธปท.
- Published: Saturday, 08 August 2015 11:24
- Hits: 2192
มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 1.50% กนง.แย้มขยับลดจีดีพีชี้เศรษฐกิจไม่กระเตื้อง
บางขุนพรหม * ธปท.มติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% พร้อมประเมินเศรษฐกิจทั้งปีมีลุ้นฟื้นตัวอย่างช้าๆ แจงเตรียมขยับลดตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 58 ลง
นายเมธี สุภาพงษ์ เลขา นุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. วันที่ 5 ส.ค.2558 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.50% เนื่องจากประเมินว่าการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นโยบายการเงินจึงยังควรอยู่ในระดับผ่อนปรนอย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยพร้อมจะใช้เครื่องมือเชิงนโยบายที่มีอยู่อย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐ กิจการเงินในระยะยาว
ทั้งนี้ กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2558 และแนวโน้มทั้งปีนี้ฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และปัญหาภัยแล้ง โดยแรง ขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าคาด และการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐ ที่ทำได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่การบริ โภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าคาด ซึ่งเป็นผลจากทั้งราคาที่อยู่ในระดับต่ำและปริมาณที่ลดลงตามอุปสงค์จากประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนและเอเชีย
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องจากต้นทุนด้านพลัง งานเป็นหลัก แต่ได้ผ่านจุดต่ำสุดและจะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จากผลของฐานราคาน้ำมันสูงที่จะทยอยหมดไป อย่างไรก็ดี แรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ยังมีจำกัด และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นช้ากว่าประมาณการเดิม อาจทำให้ช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อทั่ว ไปจะกลับเป็นบวกเลื่อนออกไปจากที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนเล็กน้อย ซึ่งคณะกรรม การจะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
"นโยบายการเงินขณะนี้มีความเหมาะสมในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับ หนึ่งแล้ว โดยมองว่าไม่ใช่นโย บายการเงินอย่างเดียวแล้วจะช่วยได้ทุกปัญหา ส่วนการตัด สินใจคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เหตุเพราะ กนง.ได้ปรับลดประ มาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง โดยจะมีการเปิดเผยตัว เลขอย่างเป็นทางการในรายงานครั้งต่อไปเดือน ก.ย. โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากเรื่องการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลก การใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งปัญหาภัยแล้งที่ยังคงมีอยู่" นายเมธีกล่าว
นายเมธีกล่าวถึงกรณีเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงนี้ โดยยอม รับว่าบาทอ่อนค่าเร็วและมองเป็นทิศทางต่อเนื่อง แม้ว่าจะอ่อนค่าไปเร็วบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่ง ธปท.ได้ศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเครื่องมือนโยบายการเงินในหลายตัว นอกเหนือจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดยเป็นการศึกษาไว้ แต่ยังไม่ตัด สินใจจะดำเนินการในตอนนี้
สำหรับ กรณีคณะกรรม การกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ย.นั้น มองว่าระยะเวลาอาจจะยังไม่ ชัดเจนนัก แต่ก็คงจะปรับขึ้น ดอกเบี้ยไม่เกินภายในปีนี้แน่ นอน และผลการขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของไทยได้ แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะสามารถบริหารจัดการได้.
ไทยโพสต์ -- พฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2558 00:00:43 น.
ตามคาดคงดอกเบี้ย 1.5% กนง.มีมติเสียงเอกฉันท์พร้อมหั่นเป้าจีดีพีลงต่ำกว่า3%
บ้านเมือง : ตามคาด กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% พร้อมหั่นเป้าจีดีพีลงต่ำกว่า 3% ระบุนโยบายการงินในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 และทั้งปีมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการประชุม กนง.ครั้งนี้ ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงต่ำกว่าร้อยละ 3 และการส่งออกหดตัวมากกว่าร้อยละ 1.5 โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 25 กันยายน 2558
ทั้งนี้ แนวโน้มทั้งปีนี้ฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่มีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และปัญหา ภัยแล้ง โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าคาด และการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้อย่างช้าๆ แต่การส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าคาด ซึ่งเป็นผลจากทั้งราคาที่อยู่ในระดับต่ำและปริมาณที่ลดลงตามอุปสงค์จากประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีนและเอเชีย
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานเป็นหลัก แต่ได้ผ่านจุดต่ำสุดและจะค่อยๆ ปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี จากผลของฐานราคาน้ำมันสูงที่จะทะยอยหมดไป อย่างไรก็ดี แรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ยังมีจำกัด และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นช้ากว่าประมาณการเดิม อาจทำให้ช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเป็นบวกเลื่อนออกไปจากที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อนเล็กน้อย ซึ่งคณะกรรมการฯ จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายเมธี กล่าวว่า การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เหตุเพราะ กนง.ได้ปรับลดประมาณการตัวเลขทางเศรษฐกิจในปีนี้ลง โดยจะมีการเปิดเผยตัวเลขอย่างเป็นทางการในรายงานครั้งต่อไปเดือน ก.ย. โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากเรื่องการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจโลก การใช้จ่ายในประเทศ รวมทั้งปัญหาภัยแล้งที่ยังคงมีอยู่
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น มองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยจะกลับมาเป็นบวกได้ในปลายไตรมาส 4/58 ส่งผลให้ทั้งปีอัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบ แต่น้อยลงจากต้นปี ทั้งนี้ ธปท.จะไม่มีการปรับปรๅะมาณการเงินเฟ้อเพื่อไม่ให้กระทบกับการคาดการณ์ของตลาด
นายเมธี กล่าวอีกว่า กรณีเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วงนี้ โดยยอมรับว่าบาทอ่อนค่าเร็วและมองเป็นทิศทางต่อเนื่อง แม้ว่าจะอ่อนค่าไปเร็วบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการส่งออก ซึ่ง ธปท.ได้ศึกษามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเครื่องมือนโยบายการเงินในหลายตัว นอกเหนือจากนโยบายอัตราดอกเบี้ยและนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน โดยเป็นการศึกษาไว้ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะดำเนินการในตอนนี้
ส่วนกรณีคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ก.ย.นั้น นายเมธี มองว่า ระยะเวลาอาจจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็คงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่เกินภายในปีนี้แน่นอน และผลการขึ้นดอกเบี้ยอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินของไทยได้ แต่เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะสามารถบริหารจัดการได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มองว่าการลงทุนด้านการท่องเที่ยวมีความน่าสนใจเพราะภาคท่องเที่ยวยังเป็นสิ่งที่เติบโตได้ โดยเฉพาะในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต การผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเราสามารถวัดความสำเร็จได้จากตัวเลขการสร้างโรงแรมห้องพักที่เพิ่มขึ้น ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวก็สามารถเป็นตัววัดการลงทุนทางด้านนี้ เช่น การสร้างสวนสนุกในพื้นที่ การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
"เรื่องการท่องเที่ยว ถ้าบริหารจัดการดีๆ มันคือเรื่องของการผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านการท่องเที่ยว เพราะต่างชาติมา Survey หลายๆ ด้านตอนนี้โอกาสที่จะลงทุนด้านการท่องเที่ยวเป็นสิ่งน่าสนใจเพราะนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การลงทุนที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงพยาบาล ร้านอาหาร โลจิสติกส์ เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันให้เกิดความชัดเจนจะช่วยต่อยอดด้านท่องเที่ยวและส่งผลดีไปถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศด้วย" นายอารีพงศ์ กล่าว