- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 30 January 2015 22:31
- Hits: 2681
กนง.เกาะติดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ตรึงดอกเบี้ย 2%ประคองศก.
แนวหน้า : บอร์ดนโยบายการเงิน(กนง.)มีมติคงดอกเบี้ยที่ระดับ 2% ชี้เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังน้ำมันลด แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจชาติคู่ค้าหลายแห่งยังมีปัญหา ตลาดการเงินโลกผันผวน ต้องเกาะติดใกล้ชิด
นายเมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) แถลงผลการประชุมกนง. ในวันที่ 28 มกราคม 2558 ว่าคณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง คงให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี โดย 2 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี
ประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินใจนโยบายในครั้งนี้ก็คือเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 ฟื้นตัว
ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้น ช่วยชดเชยอุปสงค์ในประเทศที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดเล็กน้อยในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะยังมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมากจะช่วยให้การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศเข้มแข็งขึ้น
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ ทั้งจากการฟื้นตัวช้าของคู่ค้าสำคัญหลายประเทศ ปัญหาการเมือง และการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศหลักที่มีทิศทางแตกต่างกันซึ่งอาจทำให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงตามราคาพลังงาน และมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะหลุดขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปีนี้ แต่ไม่ถือเป็นภาวะเงินฝืด เพราะอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวและราคาสินค้าส่วนใหญ่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำมันไม่ได้ปรับลดลง ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัว อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ตามแนวโน้มราคาน้ำมันโลกเมื่ออุปทานและอุปสงค์ทยอยปรับตัวเข้าสู่สมดุล เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ต้องติดตามคุณภาพของสินเชื่อครัวเรือนและการปรับตัวของราคาสินทรัพย์
“ช่วงที่ผ่านมาได้ติดตามสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยพบว่าขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณฟองสบู่ในภาคอสังหาฯตามที่หลายฝ่ายกังวล แม้จากการลงพื้นที่จะพบว่าเริ่มเห็นบางโครงการตามหัวเมืองจะไม่สามารถจบโครงการได้ แต่ในโครงการในกทม.และปริมณฑลยังเดินหน้าได้ปกติ แต่อย่างไรก็ตามจะติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อไปส่วนปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนในปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวการบริโภคเริ่มปรับตัวดีขึ้น”
นายเมธี กล่าวว่าการตัดสินใจนโยบายกรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ผ่อนปรนเพียงพอต่อการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อีกทั้งการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เพิ่ม ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงิน ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องมานานและตลาดการเงินโลกมีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่านโยบายการเงินควรสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในช่วงที่ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลกมีมากขึ้น แรงกระตุ้นจากภาคการคลังยังต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลชัดเจน และอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับต่ำมากไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ในระยะต่อไปกรรมการมีความเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยกรรมการจะติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินไทยอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่เหมาะสม ต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมกนง.ยังได้มีการหารือกันถึงเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายโดยมองว่าการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงนโยบาย(คิวอี) ของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) แตกต่างจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เนื่องจากมาตรการคิวอีของอีซีบีไม่ได้เพิ่มสภาพคล่องมาทางตลาดเอเชีย จึงไม่มีน่าจะมีผลต่ออาเซียนและประเทศไทยมากนักนอกจากนี้การดูแลเงินทุนเคลื่อนย้าย นั้น มองว่ามีหลายเครื่องมือที่จะนำมาใช้บริหารจัดการ ส่วนการใช้นโยบายดอกเบี้ย กรรมการหลายคนใน กนง.เห็นว่าถ้าจำเป็นจริงๆ ให้ใช้เครื่องมืออื่นก่อน เพราะขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนของไทยยังไม่หลุดจากปัจจัยพื้นฐานเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค
“เรามองว่า การทำคิวอีของยุโรป แตกต่างจากสหรัฐ เพราะยุโรปจะเป็นในแง่ของเพิ่มสภาพคล่อง แต่ไม่ได้มาทางตลาดเอเชีย และไม่ไหลเข้าเท่าตอนที่สหรัฐทำคิวอี ส่วนเรื่องของค่าเงินบาทอาจจะแข็งค่ากว่าเล็กน้อย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบการเก็งกำไรค่าเงิน ด้านเงินทุนไหลเข้า-ออกยังไม่มีสัญญาณที่ผิดปกติ โดยเรื่องของเงินทุนเคลื่อนย้าย กนง.ไม่ได้เป็นห่วงมากเท่ากับที่ตลาด แต่ได้มีการติดตามดูแลตามความเหมาะสม” นายเมธีกล่าว