- Details
- Category: ธปท.
- Published: Friday, 23 January 2015 21:49
- Hits: 2840
ธปท.จับตาความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยน -การเคลื่อนย้ายเงินทุนใกล้ชิด หลังมอง QE ของ ECB ซับซ้อนกว่าของ Fed
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธปท. กล่าวว่า จากมติของธนาคารกลางยุโรป (ECB) คืนวานนี้ (22 ม.ค.) ที่ได้ประกาศเข้าซื้อสินทรัพย์จำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ทำให้ปริมาณที่เข้าซื้อทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1.14 ล้านล้านยูโรนั้น ถือว่าเป็นจำนวนมากกว่าที่ตลาดคาด และภายหลังการประกาศมาตรการดังกล่าว พบว่าตลาดการเงินในต่างประเทศตอบรับในเชิงบวก โดยตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่ามาตรการดังกล่าวของ ECB จะช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของ EU ลง โดย ECB จะเริ่มเข้าซื้อตั้งแต่เดือน มี.ค. 2015 ไปจนถึงเดือน ก.ย. 2016 (นับเป็นระยะเวลา 19 เดือน) และอาจขยายระยะเวลาต่อออกไปจนกว่าแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อจะเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ECB ในการที่จะทำให้บรรลุได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
เมื่อเปรียบเทียบกับการทำ QE ของ Fed จะพบข้อสังเกตว่า ในช่วงแรกของการทำ QE ของสหรัฐฯ สามารถเข้าซื้อได้ทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury) และตราสารหนี้ภาคเอกชน (Mortgage-Backed Securities : MBS) โดยช่วงเวลาการทำ QE1 เริ่มตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2008 จนถึงเดือน มี.ค. 2010 ได้ซื้อหลักทรัพย์ไปทั้งสิ้นจำนวน 1,750 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการทำ QE ของ ECB ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงการเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน (Asset-backed security : ABS และ Covered Bond) แต่การตัดสินใจของ ECB ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทำให้สามารถเข้าซื้อตราสารภาครัฐที่อยู่ในยูโรโซนได้ด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม เนื่องจาก ECB เองเกิดจากการรวมตัวกันจากหลายประเทศในยุโรป ดังนั้น จึงค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่า QEของ Fed อยู่บ้าง เพราะนอกจากแต่ละประเทศจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ของประเทศตนแล้ว ยังสามารถเข้าซื้อในประเทศอื่นภายในกลุ่มได้ด้วย
อย่างไรก็ดี การประกาศมาตรการ QE ของ ECB ในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้มีการติดตามและประเมินผลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการ QE รวมไปถึงผลข้างเคียงต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ ธปท. จะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน และการเคลื่อนย้ายเงินทุนในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย