WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 2% หวังประคอง ศก.ฟื้นอย่างแข็งแกร่ง- พร้อมปรับจีดีพีปีนี้-ปี 58 อีกรอบ 26 ธ.ค.นี้

 กนง. มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 2% หวังประคองศก.ให้ฟื้นอย่างเข้มแข็งในปีหน้า ในระยะต่อ ไปกรรมการยังเห็นสอดคล้องว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน เพราะแม้ปีหน้าเศรษฐกิจฟื้นแต่อัตราการโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เตรียมประกาศปรับตัวเลขจีพีดีปีนี้ ปีหน้า 26 ธ.ค.นี้ พร้อมมองเงินเฟ้อที่ปรับลดลงต่อเนื่องตามราคาพลังงาน จะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเงินฝืดในระยะ 2 ปีนี้อย่างแน่นอน

     นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)แถลงผลการประชุม กนง.วันนี้ว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5ต่อ  2เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.00 ต่อปี โดย 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 ต่อปี   

    ในการตัดสินนโยบาย กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวในปี 2558 และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่าน เห็นว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงกว่าคาด ในสภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจ โลกจะเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นและเงินเฟ้อจะคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง

 "อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังคงผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงติดลบอยู่เล็กน้อย ส่วนอีก 2 เสียงเห็นว่าอาจจะปรับลดลงเพื่อเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจบ้าง"นายเมธี กล่าว

      ในระยะต่อไป กรรมการเห็นสอดคล้องกันว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรนเพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งขึ้น ซึ่งปัจจัยที่สำคัญอีกประการ คือ การเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมาย

 ทั้งนี้ การตัดสินใจคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2% คณะกรรมการมองในกลายประเด็นด้วยกัน เช่น ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้โดยการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ และมีการใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก  

 "สำหรับปี 2558 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาคการคลังที่น้อยกว่าคาด ซึ่งส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ" นายเมธี กล่าว   

    โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการแถลงตัวเลขเศรษฐกิจทุกรายการ ในรายงานนโยบายการเงินในวันที่ 26 ธ.ค.57  

     นอกจากนี้  กนง.มองว่าการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า มีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปกติ

    ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปรับลดลงตามราคาพลังงาน และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งตามราคาน้ำมันโลก สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อย ตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า เสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี  โดยความเสี่ยงสะสมจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาระยะหนึ่งยังอยู่ในวงจำกัด

   นายเมธี กล่าวเพิ่มเติมว่า  ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินเฟ้อในประเทศมีการปรับลดลงบ้าง และมองว่าในบางช่วงมีแนวโน้มที่อัตราเงินเฟ้อจะติดลบ แต่เมื่อเฉลี่ยค่ากลางแล้วอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในกรอบและยังคงเป็นบวก เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ปรับลดลง มาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมา  อย่างไรก็ตาม มองว่า เงินเฟ้อที่ปรับลดลงต่อเนื่องนั้น จะไม่ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเงินฝืดในระยะ 2 ปีนี้อย่างแน่นอน

    ส่วนกรณีที่รัสเซียมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ให้กับยุโรปนั้น มองว่า คงกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในทางอ้อมมากกว่า เนื่องจากไทยมีการส่งออกไปยังรัสเซียน้อย ประกอบกับในปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยก็มีการปรับลดลงก่อนหน้านี้ด้วย

    “ปัญหารัสเซียคงกระทบต่อความเชื่อมั่นบ้าง แต่อย่าไปตื่นตระหนก เพราะเขายังไม่ได้ผิดนัดชำระหนี้ เขายังมีเงินทุนสำรองอยู่”นายเมธี กล่าว 

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

บอร์ด กนง.มีมติ 5:2 คงดอกเบี้ยนโยบาย 2% มองเพียงพอต่อเศรษฐกิจทยอยฟื้น

    คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมครั้งที่ 8/2557 วันที่ 17 ธันวาคม ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปีมีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ต่อปี โดย 2 เสียงข้างน้อยเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เพื่อเพิ่มแรงสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแรง

     "กรรมการส่วนใหญ่ประเมินว่านโยบายการเงินปัจจุบันยังผ่อนปรนเพียงพอต่อเศรษฐกิจที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวในปี 58 และสอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพทางการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี กรรมการ 2 ท่านเห็นว่าควรผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มแรงสนับสนุนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแรงกว่าคาด ในสภาวะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้นและเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่อต่อเนื่อง"นายเมธี สุภาพงษ์ เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) กล่าว

   สำหรับ ประเด็นที่คณะกรรมการฯ ให้ความสำคัญในการตัดสินนโยบาย มีดังนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/57 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาด โดยการฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ และมีการใช้จ่ายในประเทศของภาคเอกชนเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก สำหรับปี 58 เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่อัตราการเติบโตจะต่ำกว่าประมาณการครั้งก่อน เพราะแรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาคการคลังน้อยกว่าคาด ส่งผลต่อากรลงทุนภาคเอกชนที่ส่วนใหญ่ยังรอความชัดเจนของการลงทุนภาครัฐ

    นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการส่งออกสินค้ามีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น ขณะที่การท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าปกติ

    ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับลดลงตามราคาพลังงาน และคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่งตามราคาน้ำมันโลก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับลดลงเล็กน้อยตามแรงกดดันจากด้านอุปสงค์ที่ลดลงจากเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า แต่สถียรภาพเศรษฐกิจการเงินโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยความเสี่ยงสะสมจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำมาระยะหนึ่งยังอยู่ในวงจำกัด

    ส่วนในระยะต่อไป กรรมการเห็นสอดคล้องกันว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนปรน เพื่อช่วยประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งขึ้น ซึ่งปัจจัยที่สำคัญอีกประการคือการเร่งรัดการใช่จ่ายภาครัฐให้เป็นไปตามเป้าหมาย

                อินโฟเควสท์

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!