- Details
- Category: ธปท.
- Published: Wednesday, 17 December 2014 22:14
- Hits: 3897
ลั่นไม่ใช้มาตรการคุมบาท ธปท.เตรียมเสนอเลื่อนใช้ กม.ค้ำประกัน
บ้านเมือง : แบงก์ชาติแจงผลกระทบเงินบาทอ่อนค่าใกล้แตะ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นสถานการณ์ผันผวนระยะปานกลาง ย้ำอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคเอเชีย ยืนยันไม่ต้องออกมาตราการดูแลเป็นพิเศษ ระบุเงินทุนไหลออกไม่ถือว่าผิดปกติ ตลาดฯ จับตาสัญญาณ กนง.ปรับ ดบ.หรือไม่ ขณะที่เตรียมเสนอเลื่อนใช้ กม.ค้ำประกัน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.57 นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้หารือถึงสถานการณ์หุ้นตกแรง เนื่องจากปัจจัยราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรงและกระแสข่าวลือในตลาดหุ้นที่ไม่เป็นความจริง โดย ตลท.และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ได้มีอะไรที่น่าเป็นห่วง เพราะการที่ตลาดหุ้นปรับลดลงแรงเกิดขึ้นทั่วโลก และถือเป็นกลไกตลาด เพราะเป็นช่วงท้ายปีที่บรรดากองทุนต่างๆ ปิดความเสี่ยงขายหุ้นเพื่อหยุดเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ประกอบกับปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง ทำให้ราคาหุ้นปรับลงมาก
ทั้งนี้ เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเช่นกัน แต่ปริมาณการไหลออกของเงินทุนไม่มีความผิดปกติ ดังนั้น ธปท.จึงยังไม่มีการออกมาตรการเป็นพิเศษมาดูแลเพียงแต่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะขณะนี้เงินบาทก็เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับภูมิภาคเอเชีย ความผันผวนอยู่ในระดับปานกลางจึงไม่น่ากังวล
ส่วนผลกระทบที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงแรงนั้น ผลกระทบระยะสั้นทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นพลังงานและปิโตรเคมี เพราะมูลค่าหุ้นดังกล่าวลดลงมาก แต่ผลระยะกลางน่าจะเป็นผลดีกับไทย เพราะเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมันเป็นหลัก จะช่วยทำให้ต้นทุนในการผลิตถูกลงและจะเป็นผลดีกับภาวะเศรษฐกิจไทย
นายประสารกล่าวถึงกรณีที่รัสเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนส่งผลให้สกุลเงินรูเบิลอ่อนค่าลงรุนแรง โดยเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อไทย เนื่องจากสกุลเงินรูเบิลไม่ได้เป็นสกุลเงินสากลและตลาดการเงินรัสเซียไม่ได้เชื่อมโยงกับต่างประเทศ ผลกระทบอาจมีแค่ทางอ้อมที่นักท่องเที่ยวรัสเซียมาเที่ยวไทยน้อยลง
ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทวันนี้ (16 ธ.ค.) นักค้าเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดที่ 32.95-32.96 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยตลาดยังจับตาสถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นว่าจะปรับลดลงอีกหรือไม่ และรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 17 ธ.ค.นี้
นายประสารกล่าวถึงความคืบหน้าการประกาศใช้ พ.ร.บ.การลดภาระของผู้ค้ำประกันที่ได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วว่า ธปท.จะทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังเพื่อให้กระทรวงการคลังเสนอไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ให้ชะลอการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปก่อนจากเดิมที่จะใช้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวมีผลกระทบกับหลายฝ่าย จึงต้องมีการหารือกันอย่างรอบคอบก่อน ซึ่ง ธปท.จะมีการนัดหารือร่วมกันกับกระทรวงการคลัง สมาคมธนาคารไทย และภาคเอกชน เพื่อให้ทุกฝ่ายนำเสนอข้อมูลผลกระทบในมุมต่างๆ และหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะมีการเพิ่มเติมในส่วนไหนบ้าง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลเพราะมีการปรับแก้เพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้สมาคมธนาคารไทยได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว เพราะอาจจะกระทบต่อการอนุมัติสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ทำให้การขอสินเชื่อยากขึ้น และอาจกระทบทำให้เกิดการกู้หนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดราคาลงต่อเนื่องจากประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ว่า จะยังไม่ส่งผลกระทบชัดเจนต่อเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้าย เนื่องจากแม้ว่าราคาพลังงานจะถูกลง แต่รายได้ของประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรกรไม่ว่ายางพารา ข้าวอยู่ในช่วงปรับราคาขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาราคาขายปรับลดลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ระยะต่อไปโดยเฉพาะต้นปี 2558 ไตรมาส 2 เมื่อมาตรการช่วยเหลือสินค้าเกษตรเห็นผลชัดเจน รวมทั้งค่าใช้จ่ายภาครัฐที่มีมากขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อประชาชนจะมีมากขึ้นจากราคาพลังงานลดลง ประเมินเบื้องต้นปี 2558 หากราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับนี้ประเทศไทยจะสามารถลดเงินนำเข้าพลังงานลงได้มาก และผู้ใช้น้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง หรือประหยัดเงินถึงปีละ 146,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ราคาพลังงานที่ลดลงในปัจจุบันจะส่งผลให้ต้นทุนขนส่งสินค้าหรือโลจิสติกส์ปรับตัวลดลง 3-4% จะส่งผลดีอาจทำให้สินค้าบางรายการสามารถปรับลดราคาลงได้ ซึ่งพิจารณารายละเอียดต่อไป