WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TRIS7 1ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม 'ธ.กรุงศรีอยุธยา' ที่ 'AAA/Stable'

      ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'AAA' โดยอันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากสถานะอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารในฐานะเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่ม Mitsubishi UFJ Financial Group Inc. (MUFG) ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตเฉพาะของธนาคารอยู่บนพื้นฐานของความแข็งแกร่งจากการมีธุรกิจที่มีความหลากหลาย รวมถึงธุรกิจลูกค้ารายย่อย และโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นของธนาคารจากการควบรวมกิจการกับ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU) สาขากรุงเทพฯ ในปี 2558 โดยอันดับเครดิตในภาพรวมของธนาคารสะท้อนถึงการสนับสนุนที่คาดว่าจะได้รับจากกลุ่มธนาคารแม่ในกรณีที่ธนาคารประสบปัญหาทางการเงิน

       BTMU เป็นธนาคารที่ถือหุ้น 100% โดย MUFG ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น BTMU ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาในสัดส่วน 72.01% ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญโดยสมัครใจซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2556 สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม MUFG ในธนาคารผ่านทาง BTMU เพิ่มขึ้นจาก 72.01% เป็น 76.88% ภายหลังการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกับ BTMU สาขากรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2558 ในขณะที่กลุ่มรัตนรักษ์ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายสำคัญของธนาคารยังคงรักษาสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ 20% ไว้ ทั้งนี้ BTMU ได้รับการจัดอันดับเครดิตจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” และจาก Moody’s Investors Service (Moody’s) ที่ระดับ “A1” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”

       การประเมินสถานะทางธุรกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยาสะท้อนถึงธุรกิจและกลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลายรวมไปถึงความแข็งแกร่งในธุรกิจลูกค้ารายย่อยของธนาคาร ธนาคารมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยโดยมีขนาดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านบาท ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ธนาคารยังประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจบริหารกองทุน และธุรกิจนายหน้าประกันผ่านบริษัทย่อยและบริษัทร่วมทุนอื่น ๆ อีกด้วย โดย ณ ครึ่งแรกของปี 2560 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่ออยู่ที่ 12.6% ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างใหญ่สำหรับธนาคารพาณิชย์ไทย ในขณะที่ส่วนแบ่งทางการตลาดของเงินฝากอยู่ที่ 9.7%

      พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวค่อนข้างดีซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย โดย ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 กลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ทั้งของไทยและญี่ปุ่นมีสัดส่วน 28% และ 11% ตามลำดับ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีสัดส่วน 15% และลูกค้ารายย่อยมีสัดส่วน 44% ทั้งนี้ สินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อยประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (21% ของสินเชื่อรวม) สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (14%) ตลอดจนสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (11%)

     ธนาคารมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงเหนือกว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น ๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา กล่าวคือ สินเชื่อและเงินฝากของธนาคารเติบโตแบบปีต่อปีที่ระดับ 6.6% และ 10.3% ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ตามลำดับ โดยมีสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก สำหรับปี 2561 นั้น ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคารจะลดลงซึ่งสืบเนื่องจากเพดานดอกเบี้ยล่าสุดที่ประกาศโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์น่าจะมีการเติบโตจากยอดขายรถยนต์ภายในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัว

       ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารมีผลงานที่ดีในการรักษาแหล่งรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สำคัญเอาไว้ได้ ทั้งนี้ รายได้จากดอกเบี้ยของธนาคารมีสัดส่วนอยู่ที่ 65% ของรายได้รวม ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับประมาณ 62% ส่วนรายได้สุทธิจากค่าธรรมเนียมและบริการมีสัดส่วน 18% ของรายได้รวมซึ่งเทียบเคียงได้กับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยที่ 21% ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบัตรเครดิต รวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ตลอดจนค่าธรรมเนียมจากการซื้อขายหลักทรัพย์ นายหน้าขายประกัน การบริหารความมั่งคั่ง และการบริหารกองทุนมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการของธนาคาร

        ทริสเรทติ้ง คาดว่าอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุนตามหลัก Basel-III ของธนาคารจะอยู่ในระดับ 16%-17% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งเพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจในระยะปานกลาง สัดส่วนของกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Core Equity Tier-1) ต่อเงินกองทุนรวมอยู่ที่ระดับ 76.4% ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 และคาดว่าบริษัทจะคงสัดส่วนเงินปันผลที่ระดับเดิม

       ความสามารถในการทำกำไรของธนาคารอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยของอุตสาหกรรม อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1.21% ในปี 2559 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 1.32% แม้ว่ากำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะอยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจลูกค้ารายย่อยที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ผลกำไรดังกล่าวก็ลดทอนลงจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่สูงของธุรกิจลูกค้ารายย่อยด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาได้ช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของธนาคารให้สูงขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวมลดลงมาอยู่ที่ 47.1% ในปี 2559 จาก 48.5% ในปี 2557 ต้นทุนทางเครดิตก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 1.5% ในปี 2559 จากระดับ 2.1% ในปี 2556

       ทริสเรทติ้ง มองว่า คุณภาพของสินทรัพย์โดยรวมและแนวโน้มต้นทุนทางเครดิตในอนาคตของธนาคารอยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารลดลงจากระดับสูงสุดในปี 2556 ที่ระดับ 2.1% เหลือ 1.5% ในปี 2559 ในขณะที่ต้นทุนทางเครดิตของธนาคารพาณิชย์ไทยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.1% มาอยู่ที่ระดับ 1.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งเกิดขึ้นหลังการจำหน่ายและตัดหนี้สูญนั้น ธนาคารยังคงอัตราส่วนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากลุ่ม โดยอัตราส่วนของธนาคารอยู่ที่ระดับ 2.46% ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 3.8% สัดส่วนหนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษต่อสินเชื่อรวมก็ลดลงสู่ระดับ 3.8% ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 จากระดับ 4% ณ สิ้นปี 2559 เช่นกัน ในขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และหนี้ที่กล่าวถึงเป็นพิเศษของอุตสาหกรรมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สำรองส่วนเกินของธนาคารอยู่ที่ระดับ 153.3% ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 ซึ่งถือว่าเพียงพอที่จะรองรับความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แม้ว่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ระดับ 172% อยู่บ้างก็ตาม

      ความแข็งแกร่งด้านแหล่งเงินทุนของธนาคารอยู่ในระดับเกณฑ์เฉลี่ยในฐานะที่เป็นธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดกลางเมื่อพิจารณาการสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุนที่ได้รับจาก BTMU ในมุมมองของทริสเรทติ้ง เงินกู้ยืมจาก BTMU ถือเป็นแหล่งเงินทุนที่เสถียรภาพและมีต้นทุนต่ำที่ไม่ได้ถูกสะท้อนอยู่ในอัตราส่วนทางการเงิน อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินของธนาคารอยู่ที่ระดับ 124.7% ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 99% เงินฝากซึ่งมีสัดส่วน 64.5% ของแหล่งเงินทุนรวมส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 อยู่ในระดับต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 75% อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังขาดฐานเงินฝากที่มีเสถียรภาพและมีต้นทุนต่ำ ซึ่งสะท้อนจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและเงินฝากออมทรัพย์ (Current Account-Savings Account – CASA) ที่ระดับ 48.4% ของเงินฝากรวมตั๋วแลกเงิน ณ ครึ่งแรกของปี 2560 โดยอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยซึ่งอยู่ที่ 61% ทั้งนี้ แหล่งเงินกู้ที่มีอยู่และการสนับสนุนที่ได้รับจาก BTMU ยังเป็นปัจจัยเสริมด้านสภาพคล่องที่แข็งแกร่งให้แก่ธนาคารได้อีกด้วย

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนการคาดการณ์ว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงสถานภาพการเป็นธนาคารลูกที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในระดับสูงของกลุ่ม MUFG และจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินจาก ธนาคารแม่ต่อไป

       อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารอาจเปลี่ยนแปลงในกรณีที่สถานะด้านเครดิตของกลุ่ม MUFG มีการเปลี่ยนแปลง หรือในกรณีที่ทริสเรทติ้งเห็นว่าระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของธนาคารที่มีต่อกลุ่มเปลี่ยนไป

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)

อันดับเครดิตองค์กร:              AAA

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

       ติดต่อ [email protected]  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

          บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง  

    ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!