- Details
- Category: แบงก์พาณิชย์
- Published: Thursday, 30 November 2017 23:00
- Hits: 6295
กสิกรไทยหนุนสินเชื่อดีลเลอร์กลุ่มดีสโตน ไม่ต้องค้ำฯ วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท
ธนาคารกสิกรไทยหนุนดีลเลอร์ดีสโตน ผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติไทยชั้นนำ จัดโปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด ให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อซื้อสินค้าดีสโตน วงเงินกู้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสูงสุด 10 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ ขั้นตอนง่าย ตั้งเป้าหมายปล่อยกู้ 500 ล้านบาท ตอบรับโอกาสทางธุรกิจจากการที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 1 ของอาเซียน
นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้สนับสนุนธุรกิจของ บริษัท ดีสโตน จำกัด อย่างต่อเนื่อง ในฐานะบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์สัญชาติไทยรายใหญ่ของประเทศที่มีศักยภาพ จำหน่ายยางรถทุกประเภท สินค้ามีคุณภาพมาตรฐานสากล ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ควบคู่กับการทำตลาดในประเทศ ผ่านดีลเลอร์กว่า 300 รายทั่วประเทศ
ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้ออกโปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด ให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อการซื้อสินค้ากับดีสโตน โดยสามารถกู้เป็นวงเงินสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ มีหลักทรัพย์ค้ำประกันบางส่วน หรือ มี บสย.ค้ำประกัน ก็ได้
โปรแกรมดังกล่าวจะให้วงเงินสินเชื่อไม่มีหลักประกันสูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย หรือกรณีที่มี บสย. ค้ำประกันรับวงเงินสินเชื่อสูงสุด 40 ล้านบาท หรือกรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน จะไม่จำกัดวงเงินสินเชื่อสูงสุด โดยดีลเลอร์ที่เข้าร่วมโปรแกรมต้องดำเนินธุรกิจกับดีสโตนมาไม่น้อยกว่า 1 ปี มีสัดส่วนการซื้ออย่างต่ำร้อยละ 20 ของมูลค่าการซื้อยางทั้งหมดของผู้ประกอบการ
ธนาคารกสิกรไทยจัดเตรียมวงเงินสนับสนุนสำหรับ โปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี เนื่องจากขั้นตอนการขอสินเชื่อไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในตลาด และใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารในการชำระเงินและยืนยันการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ สำหรับการซื้อสินค้ากับดีสโตน ซึ่งทำให้คู่ค้าดีสโตนสะดวกในการทำธุรกรรมการเงิน พร้อมมีวงเงินสินเชื่อเพียงพอกับความต้องการซื้อสินค้ากับดีสโตนอีกด้วย สำหรับคู่ค้าของดีสโตนที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ทีมผู้เชี่ยวชาญคู่ค้าธุรกิจกสิกรไทย 02-8674298
นายอัครนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มดีสโตนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันธนาคารฯ สนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่กลุ่มดีสโตนกว่า 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารและกลุ่มดีสโตนได้ร่วมมือกันสนับสนุนธุรกิจไปจนถึงผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ซื้อยางรถรายย่อย ด้วยการจัดแคมเปญมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้บริโภคเพื่อช่วยกระตุ้นการขาย โดยหากผู้บริโภคมีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยสามารถนำพ้อยท์แลกเป็นเงินคืนเข้าบัญชีได้ (Point Redemption) นอกจากนี้ผู้บริโภคยังสามารถชำระค่าสินค้าด้วย QR code ผ่าน K PLUS SHOP ของธนาคารกสิกรไทยได้ ช่วยให้ผู้บริโภคสะดวก ปลอดภัย ในการชำระเงินค่ายาง และเพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐเป็นสังคมไร้เงินสดอีกด้วย
นายเกริก วงศาริยวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดีสโตน เปิดเผยว่า โปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุนให้แก่คู่ค้าของดีสโตน ทำให้การบริหารจัดการสินค้าเป็นไปตามแผนที่ลูกค้าวางไว้ สามารถตอบสนองกับโอกาสทางธุรกิจต่างๆ โดยตั้งแต่ต้นปี 2560 ตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยมีการขยายตัวและเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายรถยนต์ในประเทศขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10.7 และแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังมีทิศทางที่สดใส ประมาณการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยทั้งปี 2560 มีโอกาสจะทำยอดขายได้สูงขึ้นประมาณร้อยละ 6 ถึง 9 หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ 820,000 ถึง 840,000 คัน สำหรับภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ จะมีปัจจัยเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงจากยางรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศจีนและที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
บริษัท ดีสโตน จำกัด เป็นยางสัญชาติไทยชั้นนำของประเทศ เริ่มต้นดำเนินธุรกิจยางจากการผลิตยางผ้าใบรถบรรทุกมานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันกลุ่มดีสโตนประกอบด้วย 5 บริษัท แต่ละบริษัทผลิตยางรถแตกต่างกันตามประเภทรถ ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น ได้แก่ ยางรถจักรยาน ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ ยางรถการเกษตร ยางรถบรรทุก ทำให้มีสินค้าตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้บริโภคระดับกลาง ประเภทยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สินค้าที่ผลิตได้จะส่งออกร้อยละ 75 ของกำลังการผลิตไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไต้หวัน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ สวีเดน อียิปต์ อิสราเอล และจอร์แดน เป็นต้น
นายเกริก กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางดีสโตนมีแนวปรัญชาของการดำเนินธุรกิจที่เน้นมองถึงภาพรวมมากกว่าผลประกอบการเพียงอย่างเดียว เพราะการขยายธุรกิจของเรานั้น จะต้องได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทุกฝ่าย แน่นอนว่าเรามีเป้าหมายที่จะขยายตลาดให้กว้างขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเราต้องทำหน้าที่เป็นผู้ที่จะช่วยให้คู่ค้าของเรา สามารถเพิ่มศักยภาพได้ด้วยคือการเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางที่วางไว้มาโดยตลอด การสนับสนุนทางการเงินที่ได้กสิกรไทยเข้ามาช่วย จึงเป็นความร่วมมือจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับคู่ค้าดีสโตนให้มีความสะดวกมากขึ้น ลดภาระและขั้นตอนที่ยุ่งยาก ในการเสริมสภาพคล่อง ซึ่งเป็น 1 ในความร่วมมือจากอีกหลายๆ โครงการที่เราคาดว่าจะสามารถร่วมมือกันได้อีกในอนาคต ซึ่งหากเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อคู่ค้าดีสโตน เราก็พร้อมที่จะศึกษาและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป เพื่อตอบสนองต่อแนวทางอันเป็นจุดเด่นของดีสโตน นอกเหนือจากคุณภาพสินค้า เราหวังว่าธุรกิจดีสโตนจะขยายธุรกิจให้ครอบคลุมทุกความต้องการของเรื่องยาง โดยมีพันธมิตรที่สำคัญอย่างธนาคารกสิกรไทย และคู่ค้าที่สำคัญเดินเคียงคู่ไปตลอด
KBANK สนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนให้กลุ่มดีสโตน ตั้งเป้าปล่อยกู้ 500 ลบ.
นายอัครนันท์ ฐิตสิริวิทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย KBANK เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้ออกโปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด ให้วงเงินสินเชื่อหมุนเวียน เพื่อการซื้อสินค้ากับดีสโตน โดยสามารถกู้เป็นวงเงินสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ มีหลักทรัพย์ค้ำประกันบางส่วน หรือ มีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันก็ได้
โปรแกรมดังกล่าวจะให้วงเงินสินเชื่อไม่มีหลักประกันสูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย หรือกรณีที่มี บสย. ค้ำประกันรับวงเงินสินเชื่อสูงสุด 40 ล้านบาท หรือกรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน จะไม่จำกัดวงเงินสินเชื่อสูงสุด โดยดีลเลอร์ที่เข้าร่วมโปรแกรมต้องดำเนินธุรกิจกับดีสโตนมาไม่น้อยกว่า 1 ปี มีสัดส่วนการซื้ออย่างต่ำร้อยละ 20 ของมูลค่าการซื้อยางทั้งหมดของผู้ประกอบการ
ธนาคารกสิกรไทยจัดเตรียมวงเงินสนับสนุนสำหรับ โปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด จำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี เนื่องจากขั้นตอนการขอสินเชื่อไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในตลาด และใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ของธนาคารในการชำระเงินและยืนยันการชำระเงินผ่านทางออนไลน์ สำหรับการซื้อสินค้ากับดีสโตน ซึ่งทำให้คู่ค้าดีสโตนสะดวกในการทำธุรกรรมการเงิน พร้อมมีวงเงินสินเชื่อเพียงพอกับความต้องการซื้อสินค้ากับดีสโตนอีกด้วย
นายอัครนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารกสิกรไทยพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจของกลุ่มดีสโตนอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันธนาคาร สนับสนุนวงเงินสินเชื่อแก่กลุ่มดีสโตนกว่า 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธนาคารและกลุ่มดีสโตนได้ร่วมมือกันสนับสนุนธุรกิจไปจนถึงผู้บริโภคซึ่งเป็นผู้ซื้อยางรถรายย่อย ด้วยการจัดแคมเปญมอบสิทธิพิเศษให้แก่ผู้บริโภคเพื่อช่วยกระตุ้นการขาย โดยหากผู้บริโภคมีการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยสามารถนำพ้อยท์แลกเป็นเงินคืนเข้าบัญชีได้ (Point Redemption) นอกจากนี้ผู้บริโภคยังสามารถชำระค่าสินค้าด้วย QR code ผ่าน K PLUS SHOP ของธนาคารกสิกรไทยได้ ช่วยให้ผู้บริโภคสะดวก ปลอดภัย ในการชำระเงินค่ายาง และเพื่อตอบสนองนโยบายภาครัฐเป็นสังคมไร้เงินสดอีกด้วย
ด้านนายเกริก วงศาริยวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดีสโตน เปิดเผยว่า โปรแกรมสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อของกลุ่ม บริษัท ดีสโตน จำกัด จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดต้นทุนให้แก่คู่ค้าของดีสโตน ทำให้การบริหารจัดการสินค้าเป็นไปตามแผนที่ลูกค้าวางไว้ สามารถตอบสนองกับโอกาสทางธุรกิจต่างๆ โดยตั้งแต่ต้นปี 2560 ตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยมีการขยายตัวและเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายรถยนต์ในประเทศขยายตัวสูงถึงร้อยละ 10.7 และแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปียังมีทิศทางที่สดใส ประมาณการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศของไทยทั้งปี 2560 มีโอกาสจะทำยอดขายได้สูงขึ้นประมาณ 6-9% หรือคิดเป็นจำนวนรถยนต์ 820,000 ถึง 840,000 คัน สำหรับภาพรวมการแข่งขันในธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ จะมีปัจจัยเรื่องการแข่งขันที่รุนแรงจากยางรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศจีนและที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย
บริษัท ดีสโตน จำกัด เป็นยางสัญชาติไทยชั้นนำของประเทศ เริ่มต้นดำเนินธุรกิจยางจากการผลิตยางผ้าใบรถบรรทุกมานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันกลุ่มดีสโตนประกอบด้วย 5 บริษัท แต่ละบริษัทผลิตยางรถแตกต่างกันตามประเภทรถ ให้มีความหลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น ได้แก่ ยางรถจักรยาน ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ ยางรถการเกษตร ยางรถบรรทุก ทำให้มีสินค้าตอบสนองความต้องการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยลูกค้าเป้าหมายเป็นผู้บริโภคระดับกลาง ประเภทยางรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สินค้าที่ผลิตได้จะส่งออกร้อยละ 75 ของกำลังการผลิตไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก เช่น อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไต้หวัน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ สวีเดน อียิปต์ อิสราเอล และจอร์แดน เป็นต้น
อินโฟเควสท์